‘สมช.’ ที่พักทหาร-ตำรวจ อกหัก ‘คนนอก’กินตำแหน่ง ‘คนใน’ไม่โต
ปฏิเสธไม่ได้ว่า“คนใน สมช.” นับวันยิ่งยากจะเติบโต เพราะตำแหน่ง “หัวหน้าองค์กร” มักจะถูกนำไปใช้ตอบสนองด้านการเมือง ทั้งที่จุดมุ่งหมาย คือเป็นหน่วยงานความมั่นคงที่ช่วยคานอำนาจกับ “เหล่าทัพ”
สภาความมั่นคงแห่งชาติ ก่อตั้งมา 112 ปี มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ มาแล้ว 23 คน ส่วนใหญ่มาจาก ทหาร-ตำรวจ มี “พลเรือน”เพียง 5 คนที่ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำองค์กร ทั้งที่มีจุดมุ่งหมายให้เป็นหน่วยงานความมั่นคง ที่ช่วยคานอำนาจกับ “เหล่าทัพ”
ยิ่งในยุคหลัง “สมช.” ถูกใช้เป็นศาลาพักใจ รองรับคนอกหักจาก “ทหาร-ตำรวจ” ส่งผลให้ “ลูกหม้อ” คนในองค์กรไม่เติบโตในตำแหน่งหน้าที่ เพราะต้องทำใจยอมรับ หาก“การเมือง” มีปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย “บิ๊กทหาร-บิ๊กตำรวจ”
ในยุคที่มีปัญหามากที่สุด คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นเก้าอี้เลขาฯ สมช. เพื่อเปิดทางย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากตำแหน่ง ผบ.ตร. ไปดำรงตำแหน่งเลขาฯ สมช.แทน
จุดประสงค์หลักเพื่อแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ในขณะนั้น ซึ่งเป็นพี่ชายคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
การโยกย้ายสลับเก้าอี้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ทว่า “ถวิล เปลี่ยนศรี” ขอต่อสู้ทางคดี เนื่องจากกระบวนการโยกย้ายมีความผิดปกติ มีการส่งหนังสือยินยอมรับถวิล มานั่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ย. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ รวมถึงข้อต่อสู้เกี่ยวกับการเคลียร์ทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์
โดย “ถวิล” ชนะคดีในชั้นศาลปกครอง จนกลับมาเข้านั่งเก้าอี้เลขาฯสมช. อีกครั้ง ส่วนในชั้นศาลฎีกา แผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกหมายจับ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ในคดีดังกล่าวเมื่อช่วงเดือน พ.ย.2565
อย่างไรก็ตาม “สมช.” ต่อจากยุคถวิล มีเพียง "อนุสิษฐ คุณากร" เพียงคนเดียวที่มาในสายลูกหม้อ เติบโตภายในองค์กร จนได้นั่งเก้าอี้เลขาฯสมช. ซึ่งเป็นเพราะถวิลขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ช่วยผลักดันคนใน
แต่หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่เคยเหลียวมอง “ลูกหม้อ สมช.” อีก เพราะใช้เก้าอี้ดังกล่าว ตอบแทนให้กับ บิ๊กทหาร"อกหัก" ที่ไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นใหญ่ในไลน์ “เหล่าทัพ” ได้
เริ่มตั้งแต่ปี 2558 “บิ๊กแอ๊ว” พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ย้ายข้ามห้วยจากผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ทหารช่าง) กองบัญชาการกองทัพไทย มาเป็นเลขาฯ สมช. เพื่อเคลียร์เก้าอี้ในกองทัพไทย โดยเสียบแทน "กนกทิพย์ รชตะนันทน์" รองเลขาฯ สมช. จนเกิดเรื่องฉาว เจ้าตัวทำหนังสือลาออก ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสงบศึกด้วยการเปิดตำแหน่งพิเศษให้ “กนกทิพย์” เพื่อปลอบใจ
ปี 2560 "พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ" ย้ายจากผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม กระทรวงกลาโหม มาเป็นเลขาฯ สมช. จากเดิมถูกวางตัวให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ต้องหลีกทางให้เด็กในสังกัดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไลน์รองปลัดกระทรวงกลาโหม
ส่งผลให้ “วัลลภ” ต้องมานั่งเก้าอี้เลขาฯสมช.อย่างจำใจ ทำให้ "สมเกียรติ ศรีประเสริฐ" รองเลขาฯ สมช. อาวุโสลำดับที่ 1 ซึ่งได้รับการยอมรับภายในองค์กรว่ามีฝีมือ ไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกคน
ปี 2562 "พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา" ข้ามห้วยจากรองปลัดกระทรวงกลาโหม มาเป็นเลขาฯ สมช. เปิดทางขยับตำแหน่งภายในกระทรวงกลาโหมให้ลงตัวมากที่สุด
ปี 2563 "พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" ข้ามห้วยจาก รองผบ.ทบ. ที่จำต้องเปิดทางให้ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ นายทหารคอแดง รับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ต่อจาก “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
ปี 2564 "พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม" เสนาธิการทหาร ได้แรงหนุนจาก พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ในขณะนั้น ให้ข้ามห้วยมาเป็นเลขาฯ สมช.
กระทั่งปี 2566 แม้อำนาจทางการเมืองจะเปลี่ยนจาก พล.อ.ประยุทธ์ สู่ เศรษฐา ทวีสิน แต่องค์กร สมช.ยังโดนแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองไม่เปลี่ยนแปลง
โดยมีกระแสข่าวว่า “นายกฯน้อย” พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ปิดห้องคุยลับกับ "ฉัตรชัย บางชวด" รองเลขาฯ สมช. อาวุโสลำดับ 1 ตัวเต็งจากคนใน ให้ยอมหลีกทางให้กับ “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. มานั่งเก้าอี้เลขาฯ สมช. 1 ปี ก่อนจะเกษียณในปี 2567
เมื่อมีชื่อ พล.ต.อ.รอย ปรากฏตามหน้าสื่อ จึงถูกจับโยงไปถึงข้อตกลง การยอมหลีกทางให้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยไม่มีการฟ้องร้องกันหรือไม่
ต้องจับตาว่า “ฉัตรชัย” ซึ่งเหลืออายุราชการอีก 2 ปี จะยอมเปิดทางให้ “คนนอก สมช.” เข้ามาคุมกลไกภายในองค์กรอีกหรือไม่ เพราะคราวนี้การโยกย้ายคงไม่เร่งรีบ จนเกิดข้อพิรุธเหมือนยุค “ถวิล เปลี่ยนศรี” จนนำไปสู่การฟ้องร้อง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า“คนใน สมช.” นับวันยิ่งยากจะเติบโต เพราะตำแหน่ง “หัวหน้าองค์กร” มักจะถูกนำไปใช้ตอบสนองด้านการเมือง ทั้งที่จุดมุ่งหมาย คือเป็นหน่วยงานความมั่นคงที่ช่วยคานอำนาจกับ “เหล่าทัพ”