'วุฒิพงศ์' เปิดแผล 'ก้าวไกล' ซุกข้อครหา "ผู้ช่วย สส." ส่อทุจริตไว้ใต้พรม
"วุฒิพงศ์" แถลงเปิดแผล "ก้าวไกล" ส่อเจตนาอุ้ม "ผู้ช่วย สส." มีปัญหาส่อทุจริต-เรียกผลประโยชน์ โรงงานบ่อขยะ ศรีมหาโพธิ ไว้ใต้พรม จี้ให้พรรคตรวจสอบ ชี้เป็นปมเหตุการเมืองเบื้องหลังขับพ้นพรรค
ที่รัฐสภา นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกมติพรรคก้าวไกลขับออก เนื่องจากมีประเด็นการละเมิดทางเพศทีมงานสาว แถลงที่รัฐสภา พร้อมเปิดเผยภาพและคลิปเสียงบุคคลที่อ้างว่า เป็น ผู้ช่วยสส. พรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอักษรย่อ “ส.” ซึ่งมีประเด็นเรียกรับผลประโยชน์จากการขายที่ให้กับบริษัทย่อขยะใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เป็นมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ มติพรรคก้าวไกลขับตนออกจากพรรค ในกรณีที่ผลสอบกรรมการวินัย ชี้ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง เนื่องจากแชทลับกับ ทีมงานสาว ที่เข้าข่ายละเมิดและคุกคามทางเพศ
โดยนายวุฒิพงศ์ แถลงว่า ในประเด็นการเรียกรับผลประโยชน์ในพื้นที่จ.ปราจีน เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและบ่อขยะนั้น ตนได้ยื่นเรื่องให้กรรมการบริหารพรรคชุดที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคให้พิจารณาและตรวจสอบ เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่พบว่าพรรคได้ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าต้องรอให้เป็นกระแสก่อนถึงดำเนินการหรือไม่ อย่างไรก็ดีในประเด็นดังกล่าวตนเชื่อว่าเป็นมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ “ผู้ช่วย ส.” ยื่นเรื่องให้พรรคตรวจสอบตนกรณีละเมิดทางเพศ โดยพา “สาว ป.” มาที่พรรคเพื่อยื่นเรื่อง ซึ่งกระบวนการตรวจสอบตนเกิดขึ้นรวม 22 วัน ขณะที่เรื่องทุจริตที่เกิดขึ้น ผ่านเวลา 4 เดือนแล้ว พรรคกลับไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ดำเนินการ เพราะเรื่องทุจริตเป็นเรื่องที่ไม่ควรยอมรับ หรือ เก็บไว้ใต้พรม
นายวุฒิพงศ์ แถลงด้วยว่า สำหรับกรณี “ผู้ช่วย ส.” ที่ตนตรวจสอบพบ คือ ประเด็นการเรียกรับผลประโยชน์ และความพยายามให้บริษัทบ่อขยะ ซื้อที่ดินของตนเอง จำนวน 5 ไร่ มูลค่า 3.5 ล้านบาท โดยพบว่าเป็นการแบ่งขายที่ดินของตนเอง แปลงละ 1.7 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาประเมินและทำให้เสียภาษีถูกลง อย่างไรก็ดีตนมีหลักฐานและรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ขาดเพียงสลิปการโอนเงินเท่านั้น ขณะเดียวกันพบว่า ผู้ช่วย ส. ดังกล่าวยังมีความสัมพันธ์ กับ “สาว ป.” บุคคลที่ร้องตนกรณีละเมิดทางเพศ ซึ่งคนในพื้นที่ เทศบาลกรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ตั้งคำถาม
“เรื่องนี้ผมไม่ต้องการโจมตีพรรค หรือให้ข่าวเพื่อเคลียร์ตัวเองก่อนเข้าสังกัดพรรคการเมืองใด แต่ต้องการสื่อสารไปยังพรรคให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย หากจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก รวมถึงเหตุผลสำคัญเพราะหลังจากมติพรรคก้าวไกลขับให้ผมออกจากพรรค มีแกนนำระดับผู้ใหญ่ในพรรคบอกกับผมให้หยุดพูด ซึ่งผมพร้อมปฏิบัติ แต่เมื่อ 2 วันก่อนคนที่เป็นชนวนเหตุไม่หยุด และยังมีการพาดพิงผม แม้ขณะนี้เขาจะบวชเป็นพระแล้วก็ตาม” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่าผู้ช่วย สส. ก้าวไกลที่มีตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค มีอิทธิพลเหนือคนในพรรคได้อย่างไร นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า “ไม่ขอลงรายละเอียด แต่ผมคงทำเรื่องที่เหยียบเท้าใครและชนกับพวกลุ่มทุนในพื้นที่ปราจีนบุรีด้วย ทั้งนี้ผมทราบว่าก่อนวันที่ประชุมสส.พรรคมีมติ พบการส่งข้อความสั้นเพื่อขอให้ช่วยลงมติ ซึ่งกรณีดังกล่าวผมมองว่าไม่ควรทำเป็นศาลเตี้ย อีกทั้ง สส. 150 คนของพรรค บางคนยังไม่เคยคุยกับผมด้วยซ้ำ และวันที่จะลงมติไม่เคยเรียกผมไปชี้แจง แต่เป็นการตัดสินของกรรมการวินัยของพรรคเท่านั้น อย่างไรก็ดีสำหรับ สส.ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้เป็นบุคคลที่ขับเคลื่อนภารกิจภาคตะวันออก”
เมื่อถามว่ากรณีที่ระบุว่า ผู้ช่วย สส. หรือ สส. เกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ซึ่งเข้าข่ายผิดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะดำเนินการให้องค์กอิสระหรือสภาฯตรวจสอบหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนทราบว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวสามารถยื่นให้ กกต. ได้ อีกทั้ง ในประเด็นที่เป็นเรื่องการเมืองในแง่จริยธรรม ตามกระบวนการของคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังมีช่องที่จะส่งถึงศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ขณะนี้ตนยังไม่คิดจะดำเนินการรวมถึงการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาฯด้วย แต่ต้องการให้พรรคดำเนินการ ส่วนประเด็นที่ตนถูกชี้ว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศนั้น ตนตั้งทนายแล้ว
“ผมยืนยันว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผย ไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลกลับมติ หรือให้องค์กรใดสั่งให้พรรครับผมเข้าสังกัดพรรคอีก เพราะผมคิดว่าต้องออกมา แบบไม่หันหลังกลับไป และการเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะผมถูกตีไม่เลิก ถูกพาดพิงไม่หยุด ไม่ใช่เพราะต้องการโจมตีพรรค” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองร้องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบจริยธรรมร้ายแรง นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าตนยินดีเข้าสู่กระบวนการ
เมื่อถามว่าขณะนี้ตัดสินใจเข้าสังกัดพรรคการเมืองใดแล้วหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนยังมีเวลาและยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากต้องสอบถามประชาชนในพื้นที่และ ทีมทำงานในพื้นที่ของตน ที่มี 10 ชีวิตด้วย เพราะพวกเขาต้องตามตนไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ โดยตนยอมรับว่าได้พูดคุยกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะเป็นศิษย์สถาบันเดียวกัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ เพราะยังมีเวลาถึง 30 พ.ย.