'วิปรัฐบาล' ชงรื้อสัดส่วน ปธ.กมธ.ของ 'ก้าวไกล' หลัง 'สส.' ลดลง
"อัครเดช" จ่อชง วิปรัฐบาล ทันทีเมื่อเปิดประชุม ถกลดสัดส่วน ปธ.กมธ.-กมธ. ของ "ก้าวไกล" หลังจำนวน สส. ลดลง เหตุขับ 2สส. พ้นพรรค
นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่มติพรรคก้าวไกลขับ สส.ออกจากสมาชิกพรรคเพิ่มเติม ทำให้ จำนวน สส. ต้องลดลงอีก 2 เก้าอี้ ซึ่งขณะนี้มี สส.ก้าวไกล ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 147 คน ว่า ในกรณีดังกล่าวจะมีผลต่อโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ และกมธ. ประจำสภาฯ แน่นอน ที่ต้องคำนวณสัดส่วนใหม่ อย่างไรก็ดีตนจะนำประเด็นดังกล่าวหารือกับที่ประชุมวิปรัฐบาลอีกครั้งหลังจากที่เปิดสมัยประชุมในเดือนธันวาคมนี้ เพราะในประเด็นโควตาประธานกมธ. และกมธ.นั้น เป็นไปตามมติวิปรัฐบาลและข้อบังคับของสภาฯ
นายอัครเดช กล่าวด้วยว่า ในการคำนวณสัดส่วนประธานกมธ.และกมธ.ที่ผ่านการพิจารณาไป เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานะของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และ กรณีที่พรรคก้าวไกล ขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ออกจากสมาชิกพรรค ทำให้ในโควตาของประธานกมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องแบ่งครึ่งกับพรรคก้าวไกล ซึ่งขณะนี้นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ พรรครวมไทยสรางชาติ ทำหน้าที่เป็นประธานกมธ. ดังนั้นหากจำนวน สส.ของพรรคก้าวไกลลดลง เป็นไปได้ว่า ประธานกมธ.กิจการศาลฯ ตามสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องอยู่ยาว ครบเทอม
นายอัครเดช กล่าวด้วยว่าสำหรับ 2 สส.ที่เคยสังกัดพรรคก้าวไกลมาก่อน หากย้ายสังกัดไปพรรคใด และทำให้สัดส่วนของพรรคนั้นมีสส.เพิ่มมากขึ้น หรือ หากหาสังกัดพรรคใหม่ได้ไม่ทันระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดต้องเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นการคำนวณสัดส่วนกมธ.รวมถึงประธานกมธ. ต้องนำมาพิจารณาใหม่ตามระเบียบของสภาฯเช่นกัน.