แกะรอย ‘พ่อใหญ่ทักษิณ’ แก้จน ครม.เศรษฐาประเดิม ‘หนองบัวฯโมเดล’
ประเดิม ครม.สัญจร “หนองบัวลำภู” แถมใช้จังหวะช่วงเวลานั้น ลงพื้นที่อุดรธานี-เลย ไปในคราวเดียวกัน ปลุกกระแสเรียกความเชื่อมั่นใน “อีสาน” ภูมิภาคที่ชี้เป็นชี้ตายในการจัดตั้งรัฐบาลทุกสมัย
กางปฏิทิน ครม.สัญจร คิกออฟจังหวัดแรกของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” เจ้าของม็อตโต้ “ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” มีคิวประเดิมนัดสัญจร จ.หนองบัวลำภู ในช่วงวันที่ 3-4 ธันวาคม 2566
ยิ่งย้อนไปวินาทีที่ “เศรษฐา” ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
เมื่อ 9 ก.ย. 2566 ขณะที่ยังไม่มีคณะรัฐมนตรี นายกฯ ผู้มีความสูงที่สุดในตึกไทยคู่ฟ้า ก็ชีพจรลงเท้าทันที
“เศรษฐา” ถึงขั้นประกาศทันที ขณะลงพื้นที่ จ.หนองคาย เมื่อครั้ง ครม.ยังไม่คลอด รัฐมนตรียังมีไม่ครบทุกกระทรวง แต่เจ้าตัวระบุว่า จะนำ ครม.ไปสัญจรที่ จ.หนองบัวลำภู เป็นแห่งแรก
ทำไมต้องเป็น “หนองบัวลำภู” จังหวัดแรก
เพราะต้องไม่ลืมว่า จ.หนองบัวลำภู ถือเป็นฐานเสียงสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” และยังเป็นจังหวัดที่ติดอันดับความยากจนอันดับต้นของประเทศไทย
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 “เพื่อไทย”กวาดเก้าอี้ สส.หนองบัวลำภู ยกจังหวัด ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง เขต 1 สยาม หัตถสงเคราะห์ เขต 2 ไชยา พรหมา และเขต 3 ณพล เชยคำแหง
จะว่าไปแล้ว จ.หนองบัวลำภู ถือเป็นจังหวัดที่เป็นขุมกำลังสำคัญของเพื่อไทยมาตั้งแต่ยุค “ไทยรักไทย” ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นแบรนด์สำคัญทางการเมือง และกวาด สส.ยกจังหวัด มาทั้งยุค “พลังประชาชน” จนถึง “เพื่อไทย” ในปัจจุบันด้วย
อีกทั้งยังมีขุนพลคนสำคัญที่เป็นเจ้าของพื้นที่ คีย์แมนหลัก อย่าง “ไชยา พรหมา” สส.หนองบัวลำภู เจ้าของ สส. 9 สมัย ซึ่งปัจจุบันนั่งแท่น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในสัดส่วนของภาคอีสาน
ขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เคยระบุระหว่างติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและให้ความสนใจจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นอย่างมาก
เนื่องจาก “หนองบัวลำภู” เป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวประชากรน้อยเป็นลำดับที่ 76 ของประเทศ หรือเป็นอันดับเกือบสุดท้ายของประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนชาว จ.หนองบัวลำภูให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาความยากจน
รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่านายกรัฐมนตรีจึงมีดำริจัดการประชุม ครม.สัญจรเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ที่ จ.หนองบัวลำภู และทราบว่า จ.หนองบัวลำภู มีภูมิปัญญาและมีชื่อเสียงด้านการทอผ้า การออกแบบและการตัดเย็บที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและต่างประเทศ จัดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
“ภูมิธรรม” เห็นว่าถ้าใช้ภูมิปัญญาการทอผ้าของคนหนองบัวลำภู ก็จะทำให้การทอผ้านี้ สร้างชื่อเสียงให้กับคนหนองบัวลำภู และจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจที่มหาศาลให้กับจังหวัดได้
จ.หนองบัวลำภู โมเดลแก้ไขความยากจน! ได้ถูกหยิบมาพูดคุยกันนอกรอบ ระหว่างรัฐมนตรีภาคอีสาน “ไชยา พรหมา” และ "มนพร เจริญศรี" รมช.คมนาคม กับ “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จริง
โดยมีข้อหารือว่า จะทำอย่างไรให้ จ.หนองบัวลำภู เป็นอีกจังหวัด ที่ต้องเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้ได้
หากแกะรอย “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเคยทำ “อาจสามารถโมเดล” เรียลลิตี้แก้จนอันเลื่องชื่อเมื่อต้นปี 2549 แต่ท้ายที่สุดสมัยรัฐบาล ทักษิณ 2 ก็ต้องอวสานด้วยม็อบพันธมิตรฯ ต่อต้านจนต้องยุบสภาในเดือน กุมภาพันธ์ปี 2549
ครม.เศรษฐา สัญจรนัดแรก จ.หนองบัวลำภู ยังถูกหยิบยกขึ้นมาถกอีกว่า ต้องเป็นอีกทางหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นวิกฤตศรัทธาพรรคเพื่อไทยที่ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมกับ “พรรคลุง-พรรคหนู”
เพราะถ้าผลงานเป็นไปตามที่วางเป้าไว้ ก็จะช่วยหนุนส่งให้ "ทายาทคนสำคัญ" ของ "ตระกูลชินวัตร" คือ "แพทองธาร ชินวัตร" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนปัจจุบัน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้สะดวกด้วย
ครม.สัญจร ตามรอยผลงานเก่า “พ่อใหญ่ทักษิณ” จึงเป็นอีกหนึ่งโจทย์ ที่ “นายกฯ เศรษฐา” ต้องปูทางไว้ เพื่ออนาคตทางการเมืองของพรรค และรักษาเก้าอี้นายกฯ ให้อยู่กับเพื่อไทยต่อไป
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทายาทการเมืองเจ้าของพรรค “ลูกสาวสุดรัก” แพทองธาร อาจเป็นเบอร์ 1 นายกฯ คนต่อไป