2 วิกฤติ ‘ก้าวไกล’ คดีแกนนำ-สส. เร่งเคลียร์ จุดเสี่ยง ‘ยุบพรรค’
"...ทั้ง 2 เรื่อง “คุกคามทางเพศ-คดีค้างในศาลรัฐธรรมนูญ” ถือเป็น “ปมใหญ่” ที่ “ก้าวไกล” จำเป็นต้อง “เคลียร์” ก่อนจะเดินหน้าเป็น “ฝ่ายค้าน” ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มตัว เพราะหากปล่อยให้คาราคาซัง จนเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ถูกยุบพรรคไปก่อน..."
เรียกได้ว่า ณ เวลานี้ “ก้าวไกล” กำลังกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกรณี 2 สส. “คุกคามทางเพศ” ยังไม่ทันซา ก็เผชิญดราม่าครั้งใหม่ กรณีคัดค้านโครงการแจก “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” ของ “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” ทำเอาบรรดา “แฟนคลับแดง-ครอบครัวเพื่อไทย” รุมถล่มอีกรอบหนึ่ง
ถึงขั้น รองนายกฯ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปกติไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ในเชิง “ข่าวปิงปอง” ถึงกับเปิดเผยเบื้องหลังว่า ในช่วงฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล “เดอะ ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยสนับสนุนนโยบายนี้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี “ศิริกัญญา” แก้ต่าง ยอมรับว่าเคยสนับสนุนนโยบายนี้จริง แต่ในช่วงฟอร์มทีมขณะนั้น “เพื่อไทย” บอกว่าจะไม่กู้เงิน และเป็นการจ่ายแบบถ้วนหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทว่า ตอนนี้กลับจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ฯ 5 แสนล้านบาท แถมยังจ่ายไม่ถ้วนหน้า ส่อซ้ำเติมภาระทางการเงินการคลังของประเทศ
ย้อนกลับไปประเด็น 2 สส.ก้าวไกล ที่โดนกล่าวหาว่า “คุกคามทางเพศ” ปัจจุบันแม้เรื่องจะเงียบลง แต่สังคมยังครหาค้างคาใจ เรื่องผลการสอบสวน โดยเฉพาะกรณี “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ที่ผลการลงมติของที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ตอนแรก ดันมี สส.บางคนลงมติลักษณะ “อุ้ม” ทำให้ยังไม่โดนขับออก กระทั่งถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก ร้อนถึง “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค ต้องทบทวน และมีการนัดลงมติใหม่อีกครั้งถึงจะขับ “ปูอัด” พ้นพรรคได้
แม้พรรคก้าวไกลจะ “ลงดาบ” ไปแล้วก็ตาม แต่บรรดานักสิทธิสตรี และเฟมินิสต์หลายคน ยังตั้งคำถามกับ “ก้าวไกล” ถึงมาตรการของพรรคในอนาคต เกี่ยวกับการคัดคนเข้าพรรค-ลงสมัคร สส. ว่าจะมีวิธีตรวจสอบ แก้ไขอย่างไรกันต่อ เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมออกมา
ขณะที่บรรดา “นักร้อง” ทั้งหลาย ดาหน้ายื่นเรื่องต่อองค์กรอิสระ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เอาผิดนอกเหนือจาก 2 สส. ดังกล่าวแล้ว ยังขอให้เอาผิดกับ “ก้าวไกล” เนื่องจากมีส่วนต้องรับผิดชอบ สส.พรรคตัวเองด้วย
แต่วิบากกรรมของ “พลพรรคสีส้ม” เหมือนจะยังไม่จบ เพราะภายใน 15 พ.ย.นี้ ยังเหลือคดีความค้างคาในศาลรัฐธรรมนูญรอการพิจารณาอีกอย่างน้อย 2 คดี ได้แก่
1.คดีการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อหรือไม่
2.คดี "พิธา" และพรรคก้าวไกล เป็นผู้ถูกกล่าวหา กรณีจัดทำนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้งในเรื่องการแก้ไข หรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่
คดีแรกถือเป็น “เรื่องส่วนตัว” ของ “พิธา” ที่จะต้องแก้ต่าง รับผิดชอบเรื่องของตัวเองให้เคลียร์ หากสุดท้ายมีความผิด อาจซ้ำรอยกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกสั่งพ้นจากเก้าอี้ สส. และส่อถูกแบนทางการเมืองต่อไป
แต่คดีที่น่าหวาดหวั่น คือคดีที่ 2 กรณีจัดทำนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง 2566 ในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ถูกร้องเรียนว่า เข้าข่าย “ล้มล้างการปกครอง” คดีนี้มีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรค
หากพยานหลักฐานสามารถเอาผิด “ก้าวไกล” ได้จริง แน่นอนว่าซ้ำรอยกับ “พรรคอนาคตใหม่” ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ กรณี “ธนาธร” ปล่อยกู้เงินให้แก่พรรค มิชอบด้วยกฎหมาย
ทั้ง 2 เรื่อง “คุกคามทางเพศ-คดีค้างในศาลรัฐธรรมนูญ” ถือเป็น “ปมใหญ่” ที่ “ก้าวไกล” จำเป็นต้อง “เคลียร์” ก่อนจะเดินหน้าเป็น “ฝ่ายค้าน” ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มตัว เพราะหากปล่อยให้คาราคาซัง จนเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ถูกยุบพรรคไปก่อน
149 สส. (จากทั้งหมด 151 ราย ถูกขับออก 2 ราย) ที่ประชาชนเลือกมา อาจไม่มีความหมาย ต้องไปดิ้นรนหาสังกัดพรรคใหม่ และแน่นอนว่าปรากฎการณ์ “งูเห่า” ภาค 3 อาจกลับมาหลอกหลอน “ก้าวไกล” อีกคำรบ พบจุดจบแบบเดียวกับ “อนาคตใหม่”
เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยน ศัตรูอย่าง “ประยุทธ์” ไม่มีอีกต่อไป คราวนี้การปลุกประชาชนให้ออกมายืนเคียงข้าง อาจทำได้ยากกว่าเดิมก็เป็นไปได้