จบภารกิจ ‘พลังประชารัฐ’ เฮือกสุดท้าย ‘พลังป้อม’
"...ขณะที่ “ลุงป้อม” รับรู้ความเคลื่อนไหวของ “ธรรมนัส” ทุกย่างก้าว เพราะคอนเนกชัน “บ้านจันทร์ส่องหล้า” หากถามข่าวคราวย่อมกระซิบบอกกันไม่ยาก แต่ “ลุงป้อม” ไม่มีพลังมากพอจะไปสั่งห้าม “ธรรมนัส” ได้แต่เก็บไว้ในใจช้ำๆ ของตัวเอง..."
ภาพสะท้อนสัจธรรมทางการเมือง หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โผล่กรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมทอดกฐิน 2 วัดเก่าแก่ แต่บารมี-คนรายล้อม ไม่อบอุ่นเหมือนเคย
มีเพียงคนใกล้ชิดอย่าง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต รมว.ดีอีเอส พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ สมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมบุญกฐินด้วย
แตกต่างจากงานกฐินเมื่อเดือน พ.ย. 2565 ที่วัดโฆสมังคลาราม บ้านโคกสว่าง ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม “ลุงป้อม” เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนปรับปรุงพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม มีนักการเมือง ข้าราชทหาร ตำรวจ ไปร่วมบุญร่วมกุศลจนล้นวัด เพราะอยู่ในช่วงเตรียมการเลือกตั้ง สส.
เช่นเดียวกับบรรยากาศ “บ้านป่ารอยต่อฯ” ซึ่ง “ลุงป้อม” ใช้เป็นศูนย์บัญชาการเกมการเมืองมานาน โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งปี 2562 คนการเมืองทุกสี-ทุกค่าย ต่างพาเหรดเข้าไปพบปะพูดคุย ทำให้บ้านป่ารอยต่อฯไม่เคยเงียบเหงา
แต่หลังการจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ประสบความสำเร็จ “ลุงป้อม” อยู่ในสถานะ “ลุงอกหัก” ตกสวรรค์ จากที่ฝันใหญ่จะนั่งเก้าอี้นายกฯ มาวันนี้เหลือเพียงสถานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บารมีไม่ฟูลพาวเวอร์เหมือนเดิม
ศูนย์กลางทางการเมืองโยกกลับไปอยู่ภายใต้การคอนโทรลของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านเลือดแท้อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่านตัวแสดงแทนในระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย
สำหรับ “3 ป.” ซึ่งเคยเรืองอำนาจ เมื่อต้องมาผิดใจเปิดศึกแย่งชิงกันเอง “ลุงตู่” กลับบ้านแบบเท่ๆ ถ่ายโอนอำนาจให้ “เศรษฐา” แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ตรงกันข้ามกับ “ลุงป้อม” โดนเกมหักเหลี่ยม ไม่สามารถไปถึงฝั่งฝัน
แม้เวลานี้ “ลุงป้อม” ยังไม่หยุดฝัน แต่กำลังวังชา กำลังภายในทางการเมือง ลดน้อยถอยลงจนแทบไม่เหลือ “คนข้างกาย”
และแม้จะนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ “ลุงป้อม” เสียการนำให้กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
มีกระแสข่าวว่า “ธรรมนัส” รับไม้ดูแลปัจจัยยังชีพ สส. พลังประชารัฐ สนิทชิดเชื้อหน่อยอาจจะได้ครบจบทุกคน สนิทรองลงมาอาจจะดูแลลดหลั่นกันไป แต่หาก กลุ่ม-ก๊วน ไหนมี “บิ๊กเนม” ดูแลอยู่แล้ว อาจจะไม่เดือดร้อนมาถึงมือ “ธรรมนัส”
ว่ากันว่า เด็กในสังกัด “ผู้กองมนัส” มีอยู่ 15-20 คน ที่เหลืออีก 10-15 คน กระจัดกระจายตัว บางส่วนยังอยู่ภายใต้การคอนโทรลของ “ลุงป้อม” บางส่วน “ลุงป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบโดยตรง
ทว่า มีข่าวปล่อยออกมาตลอดว่า “ธรรมนัส” ต้องการเกณฑ์กำลัง สส. กลับเข้าพรรคเพื่อไทย โดยกระแสข่าวดังกล่าวมีมาตั้งแต่ช่วงจัดตั้งรัฐบาล แม้จะผ่านมาหลายเดือน แต่กระแสข่าวดังกล่าวไม่เคยจางหาย
โดยเฉพาะในช่วงแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีให้ดูแลกระทรวง “ธรรมนัส” เดินเกมลับหลัง “ลุงป้อม-ลุงป๊อด” ยื่นไมตรีไปยัง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ ยกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ “ภูมิธรรม” เป็นคนดูแล ทำให้ “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อด” ไม่พอใจอย่างมาก แต่ยอมกลืนเลือดไม่ออกมาแสดงความไม่พอใจ
นอกจากนี้ “ธรรมนัส” ยังวางตัวห่างเหินจาก “บ้านป่ารอยต่อฯ” ไม่ปรากฏตัวในทุกเช้า-ทุกเย็น เหมือนเก่าก่อน
ว่ากันว่า ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาล “ธรรมนัส” เข้าไปพบปะหารือ “พัชรวาท” เพียงแค่ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งเรื่องแก้ปัญหา PM 2.5 อีกครั้งหนึ่งเป็นหมายลับคุยเรื่องพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อพยายามตีตัวออกห่าง ส่งผลให้กระแสข่าวความพยายามเดินเกมซบพรรคเพื่อไทย ถูกกระพือมาอีกครั้ง แต่มักจะติดขัดอยู่ที่ ทีมอุ๊งอิ๊ง-ทีมยุทธศาสตร์-สส.อีสาน ยินดีที่ได้ร่วมงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ยินดีที่จะให้ “ธรรมมนัส” หอบ สส. พลังประชารัฐ เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ “ลุงป้อม” รับรู้ความเคลื่อนไหวของ “ธรรมนัส” ทุกย่างก้าว เพราะคอนเนกชัน “บ้านจันทร์ส่องหล้า” หากถามข่าวคราวย่อมกระซิบบอกกันไม่ยาก แต่ “ลุงป้อม” ไม่มีพลังมากพอจะไปสั่งห้าม “ธรรมนัส” ได้แต่เก็บไว้ในใจช้ำๆ ของตัวเอง
สถานะของ “พรรคพลังประชารัฐ” รอวันแตกแยกทางกันเดิน ซ้ำรอยบทเรียน “พรรคทหาร-พรรคเฉพาะกิจ” ยากที่จะหลีกเลี่ยง เช่นเดียวกับ “พลังป้อม” เป็นเฮือกสุท้ายของ “บิ๊กบราเธอร์” เตรียมปิดฉากบ้านป่ารอยต่อฯ ที่เคยยิ่งใหญ่ในยุทธจักรทางการเมือง