กมธ.กฎหมายฯ สภา จ่อเรียก 'กรมราชทัณฑ์' แจงปมบกพร่อง เอื้อ ‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’
กมธ.กฎหมายฯ สภา จ่อเรียก "กรมราชทัณฑ์" ชี้แจงสัปดาห์หน้า ปมบกพร่อง เอื้อ"เสี่ยแป้ง นาโหนด" หลบหนี ร่วมหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเฉพาะการบอกข้อมูลนักโทษจะย้ายไปที่ใด
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษชายที่หลบหนีอยู่ในเทือกเขาบรรทัด และยังไม่สามารถจับตัวได้ว่า พื้นที่ในป่าเขา มีความซับซ้อน อีกทั้งภาคใต้ ฝนยังตกอยู่ทุกวัน ทำให้การค้นหาลำบากและล่าช้า ส่วนที่นายเชาวลิต หลบหนีสำเร็จ เพราะความบกพร่องของแพทย์กรมราชทัณฑ์
นายวิทยา กล่าวว่า การที่นายเชาวลิต หลบหนีสำเร็จ เป็นเพราะแพทย์ของกรมราชทัณฑ์หลุดปากบอกกับผู้ต้องหาว่าจะนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลไหน ทางตัวผู้ต้องหาจึงสามารถหาช่องทางในการหลบหนีได้สำเร็จ ซึ่งโดยปกติกรมราชทัณฑ์จะพาตัวนักโทษไปรักษาที่ไหน ห้ามแจ้งให้นักโทษทราบอย่างเด็ดขาด การแจ้งให้นักโทษทราบถือว่าผิด
ในสัปดาห์หน้า กรรมาธิการกฎหมายฯ จะเชิญกรมราชทัณฑ์ มาชี้แจงข้อบกพร่องดังกล่าว และร่วมหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำร่วมกัน โดยเฉพาะการบอกข้อมูลกับนักโทษว่าจะย้ายตัวไปไหน ข้อนี้ต้องเป็นเรื่องสั่งห้ามโดยเด็ดขาด และอีกข้อคือ แพทย์และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ต้องแยกให้ออกว่านักโทษคนไหนป่วยจริง คนไหนเสแสร้ง แสดงละคร แกล้งป่วย อย่างเช่นนายเชาวลิต จะป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้อย่างไร เพราะหนีออกจากโรงพยาบาลก็วิ่งได้ หลบหนีขึ้นเขาได้ คนแบบนี้จะป่วยจริงได้อย่างไร และถ้าไปสืบค้นประวัติให้ดี จะพบว่านักโทษชายคนนี้มีความประพฤติกระด้างกระเดื่องมาโดยตลอดขณะที่อยู่ในเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ กรรมาธิการกฎหมายฯ เคยแสดงความคิดเห็นว่า การใช้เจ้าหน้าที่กว่า 200 คน ออกตามล่านักโทษคนเดียวถือว่าสิ้นเปลืองงบประมาณมาก หลังจากพูดคุยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังคิดเห็นแบบเดิมหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า พอได้พูดคุยในเชิงลึกกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการ ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมต้องใช้เจ้าหน้าที่มากมายขนาดนั้น เพราะนักโทษรายนี้มีหลายคดี เชี่ยวชาญการหลบหนี อีกทั้งยังมีอิทธิพล
“ส่วนกรณี ที่มีภาพเชาวลิตถ่ายรูปคู่กับนักการเมือง หลายท่านนั้น ผมเชื่อว่า อาจมีบางท่านรู้จักกับนักโทษคนดังกล่าว แต่จะรู้จักกันในลักษณะไหนนั้น ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนต่อไป“ นายวิทยา กล่าว