เหยียบถิ่น ‘บูรพาพยัคฆ์’ ‘ป๋าเหนาะ’ ฟื้นตระกูลเทียนทอง โฉมใหม่
การเลือกตั้งสมัยหน้าตระกูลเทียนทอง 2 สาย จะหลอมรวมใจใส่เสื้อสีเดียวกันหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องอนาคต การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้
นับแต่มีการรัฐประหาร 2557 การเมืองสระแก้วก็เปลี่ยนโฉมหน้าไป ไม่ใช่ฐานที่มั่นของตระกูล “เทียนทอง” เมื่อเจ้าพ่อบูรพาพยัคฆ์ตัวจริง และบ้านป่ารอยต่อ กลายเป็นศูนย์อำนาจ รัฐบาล คสช.
หลังการเลือกตั้งปี 2566 สถานการณ์เปลี่ยน พยัคฆ์บูรพาไปไม่ถึงฝั่งฝัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านป่ารอยต่อ
วันเสาร์ที่ 25 พ.ย.2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง จะหอบหิ้ว สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม และพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีอุตสาหกรรม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามงานและตรวจเยี่ยมงาน 3 จุดคือ ติดตามความคืบหน้าพื้นที่ก่อสร้างอาคาร CIQ ของกรมศุลกากร อ.อรัญประเทศ ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว
พื้นที่ทั้ง 3 จุดดังกล่าวนี้ อยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 3 (อ.อรัญประเทศ อ.โคกสูง อ.ตาพระยา และอ.วัฒนานคร) ที่มี สส.สระแก้วชื่อ สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.นี้ เสนาะ เทียนทอง พาลูกชายคนเล็ก สุรเกียรติ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาเป็นประธานงานบุญกฐินที่ วัดทุ่งสว่างอารมณ์เย็น ต.หันทราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ชาวบ้านรู้สึกแปลกใจที่เห็นป๋าเหนาะ วัยเกือบ 90 ปี เดินทางลงพื้นที่ และทักทายหัวคะแนนเก่าอย่างคุ้นเคย
เสี่ยบอย-สรวงศ์ ไม่ได้มาร่วมบุญกฐินด้วย เพราะมีภารกิจติดตามหัวหน้าอิ๊งค์ ไปพบสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่อุตรดิตถ์ และน่าน
คนชายแดนละแวกอรัญฯ-ตาพระยา ได้เห็นป๋าเหนาะ และสุรเกียรติ เทียนทอง ลงพื้นที่บ่อยครั้งขึ้น นัยว่า สมัยหน้า เสี่ยบอย สรวงศ์ จะขึ้น สส.บัญชีรายชื่อ และให้น้องชายคนเล็กลงสนามเขต 3 แทน
สมรภูมิชายแดนสระแก้วเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นับว่าเป็นช่วงตกต่ำของป๋าเหนาะ เจ้าพ่อวังน้ำเย็น เมื่อเจอเจ้าพ่อบูรพาพยัคฆ์แผ่บารมีทั่วสระแก้ว
ย้อนไปเมื่อปี 2532 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.) ค่ายไพรีระย่อเดช จ.สระแก้ว ได้แสดงออกถึงความเป็นนายทหารผู้กว้างขวาง คุมชายแดนบูรพายุคแปรสนามเป็นสนามการค้า
บิ๊กป้อมมีเพื่อนรักเป็นเจ้าพ่อชายแดนตัวจริงคือ บำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานสภาหอการค้าจังหวัดสระแก้ว
บำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย เป็นชาวอรัญประเทศ และทำมาค้าขายกับกัมพูชามายาวนาน ซึ่งบำรุงกับเสนาะ เทียนทอง รู้จักกันแต่ต่างคนต่างเดิน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
ว่ากันว่า ผู้ที่ผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สมัยรัฐบาลไทยรักไทยนั้นคือ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ไม่ใช่ เสนาะ เทียนทอง
การเลือกตั้ง สส.สระแก้ว 24 มี.ค.2562 เป็นสิ่งที่เสนาะ เทียนทอง เจ็บแค้นในหัวอก เหมือนถูกลูบคมเจ้าพ่อวังน้ำเย็น เพราะทีมผู้สมัคร ส.ส.ของป๋าเหนาะ พ่ายเรียบ
ส่วนผู้ชนะคือ ฐานิสร์-ตรีนุช หลานรักที่แยกตัวไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ เด็กปั้นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
การเลือกตั้งครั้งนั้น คนสระแก้วรู้สึกสงสารป๋าเหนาะ ที่ลงทุนขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อน
เนื้อหาการปราศรัยของป๋าเหนาะถึงขั้นลำเลิกเบิกประจานหลานรักทั้งสองคน แถมบอกว่า คนสระแก้วมี 2 ทางเลือกคือ เลือกพวกนอกไส้หรือพวกในไส้
“ผมประชุมกับพรรคเพื่อไทยประกาศเจตนารมณ์ไม่เอาเผด็จการทุกรูปแบบ แต่พอหันหลังกลับบ้าน ต้องตะลึง เมื่อหลานทั้ง 2 แอบไปลาออกจากพรรคเพื่อไทย และย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่ได้บอกกล่าวผมสักคำ ซึ่งผมยอมไม่ได้ที่มีหลานเนรคุณ”
จริงๆ แล้ว ป๋าเหนาะไม่ได้คาดหวังกับเขต 1 และเขต 2 เพราะหลานรัก ฐานิสร์และตรีนุช ชนะแน่
ส่วนเขต 3 เป็นที่มั่นของป๋าเหนาะ และสรวงศ์ เป็นแชมป์ในสนามนี้มาหลายสมัยแล้ว แต่สุดท้าย สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ เด็กปั้นบิ๊กป้อม ได้ 41,962คะแนน ชนะ สรวงศ์ ที่ได้ 34,141 คะแนน
สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนนวรรณ์ จำกัด เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลอรัญประเทศ แถมยังเป็นน้องชาย พ.ต.อ.สุรจิต ชิงนวรรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว
ว่ากันตามจริง สุรศักดิ์ ไม่มีทางจะชนะลูกชายป๋าเหนาะได้เลย หากไม่ได้กองหนุนจาก พล.อ.ประวิตร บูรพาพยัคฆ์ตัวจริง
จำได้ว่า หลังเลือกตั้ง ป๋าเหนาะให้สัมภาษณ์สื่อว่า ไม่เคยเห็นการเลือกตั้งครั้งไหนที่เลวร้ายเท่าครั้งนี้ มีการนำตำรวจ-ทหารมาปิดล้อมบ้านพักตัวเองที่ อ.วัฒนานคร
วันเวลาผ่านไป ป๋าเหนาะเริ่มคลี่คลาย ด้วยวัยวารสังขารที่ร่วงโรย ช่วงการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านไป ป๋าเหนาะจึงไม่ได้ไปช่วยหาเสียง ปล่อยให้ลูกชาย สรวงศ์ ลุยเดี่ยวในพื้นที่เขต 3
ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า สรวงศ์ เทียนทอง ได้ 53,989 คะแนน ส่วน สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ อดีต สส.สระแก้ว พลังประชารัฐ ได้ 24,116 คะแนน
ชัยชนะของเสี่ยบอย สรวงศ์ เป็นผลมาจากการทำงานหนักในพื้นที่ตลอด 4 ปีที่ไม่ได้เป็น สส. บวกกับกระแส 3 ป.อ่อนแรงลง และแบรนด์ลุงป้อมขายไม่ได้
ตระกูลเทียนทอง สายป๋าเหนาะจึงทวงคืนพื้นที่เขต 3 กลับมาได้ ส่วนการเลือกตั้งสมัยหน้า “เทียนทอง” 2 สาย จะหลอมรวมใจใส่เสื้อสีเดียวกันหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องอนาคต การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้