ศัตรู-คู่มิตร ‘ก้าวไกล‘ บนเส้นไม่ขนาน ‘ไหม’ ขยี้ 'เงินดิจิทัล‘ จุดร้าวรัฐบาล
"เงินนี้ (ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท) สัญญาจะใช้เงินคืนใน 4 ปี แต่ละปีจะมีภาระหนี้ต้องคืนปีละ 1 แสนกว่าล้านบาท จะมากินงบประมาณที่พรรคร่วมรัฐบาลจะแบ่งกันอยู่ ถูกไหมคะ พอหายไปแสนกว่าล้าน มันก็ทำให้เกิดเป็นรอยร้าวได้เช่นเดียวกัน"
”พรรคก้าวไกล" งัดยุทธวิธีหาเสียงด้วยการใช้ “พลังกระแส” เข้าแลก เพื่อให้ได้มาซึ่ง สส. แล้วผลก็เป็นตามที่กุนซือเบอร์ 1 ในพรรคอย่าง “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกลในขณะนั้นอ่านเกมถูกต้องว่า จะได้ สส.เกิน 150 ที่นั่ง เมื่อผลการหย่อนบัตรเลือกตั้งในคูหาจบลงในเวลา 17.00 น. วันที่ 14 พ.ค. 2566
“ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 3 รองจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “ชัยธวัช” เปิดตึกอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล ย่านหัวหมาก ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ย้อนจุดเปลี่ยนถึงกระแส “พลังส้ม” แบบเต็มกราฟทั่วไทย ถึง 14 ล้านเสียง
กวาด สส.แบ่งเขต 112 ที่นั่ง สส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง รวม 151 สส. เข้าป้ายชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 เหนือกว่า “พรรคเพื่อไทย” เจ้าของแชมป์เลือกตั้งติดต่อกันตั้งแต่ปี 2544-2562
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “ก้าวไกล” ชนะเลือกตั้ง “ไหม” ระบุว่า เพราะพรรคมีหัวคะแนนธรรมชาติ มีผู้สนับสนุนที่คอยตัดคลิป คอยทำคอนเทนต์ และนำนโยบายมาย่อยให้เข้าใจง่ายแล้วเผยแพร่กันเองผ่านโซเชียลมีเดีย
“มีคนที่พูดไว้ว่าจะได้ถึง 150 เสียง คือคุณชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล คนปัจจุบันนี่แหละ แต่คนอื่นๆ คิดว่าไม่ถึง”
"สิ่งที่คุณชัยธวัช คาดไม่ถูก คือ ที่นั่งของพรรคเพื่อไทยนี่แหละค่ะ เราคิดว่าเราได้เกิน 100 ที่นั่ง เราก็ยังคิดว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคอันดับหนึ่งอยู่ดี"
ขุนพลมือเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล มั่นใจด้วยว่า แม้พรรคก้าวไกล จะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ภูมิทัศน์การเมืองไทยนับจากนี้ เปลี่ยนไปแล้ว
“หลายๆ พรรคการเมืองคิดว่ากระสุนต้องมาก่อนกระแส พยายามสั่งสมทรัพย์สินความมั่งคั่งไว้ใช้ในการเลือกตั้ง เขาเห็นแล้วว่ามันไม่น่าจะได้ผล โอกาสที่จะถูกใช้ซ้ำๆ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ”
ถามว่า ขณะกำลังเดินเกมจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล ก็รู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่า “พรรคเพื่อไทย” ไม่อยากได้ “พรรคก้าวไกล” ร่วมรัฐบาล “ศิริกัญญา” ตอบทันทีว่า “ถูก เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ใช่เพราะการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่น แล้วก็ไม่ได้เป็นแค่เรื่องนโยบาย แต่เขาไม่อยากให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลมากกว่า”
ถามอีกว่า “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคก้าวไกล” นับจากนี้ไป คือคู่แข่งและศัตรูทางการเมืองตลอดไปในสนามการเมืองหรือไม่ “ศิริกัญญา” ชี้แจงว่า “จริงๆ เราเป็นคู่แข่งทางการเมืองตลอด ทุกๆ ช่วงเวลาอยู่แล้ว 4 ปีที่แล้วเราเป็นฝ่ายค้านร่วมกันทำงาน แน่นอนเราเป็นคู่แข่งทางการเมือง หรือว่าช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เราก็เป็นคู่แข่งทางทางการเมืองอยู่แล้ว แม้ตอนเราร่วมรัฐบาลกัน ต้องยอมรับว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง แต่จะมีการให้ข่าว หรือแถลงที่ชิงเล่ห์ชิงเหลี่ยมกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยความเป็นคู่แข่งทางการเมือง"
"แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ได้ร่วมงานกัน ในฐานะฝ่ายค้านถ้ารัฐบาลเสนอกฎหมายมาดีๆ หรืออยากให้ฝ่ายค้านให้ความช่วยเหลือ เรายินดีเข้าไปร่วม หรือในอนาคตถ้ามีการยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ จะมาจับมือกันอีกครั้งก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน เพราะความเป็นพรรคการเมืองอื่นก็ยังเป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมีหลายพรรค รวมเป็นพรรคเดียวกันไปแล้วค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะร่วมมือทำงานกันไม่ได้"
“ศิริกัญญา” ยังบอกด้วยว่า ในวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา นัดแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เพื่อขอความเห็นชอบบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคก้าวไกลได้เสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เพิ่งรู้ในวันนั้นว่า มีการอภิปรายโจมตีพรรคก้าวไกลในเรื่องมาตรา 112 ทั้งที่ช่วงหาเสียงทุกฝ่ายต่างร้บรู้ว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายอย่างไร
“พอชนะเลือกตั้ง มาตรา 112 ถูกเอามาใช้ในการโจมตี แล้วก็ทำให้ไม่เห็นด้วยกับการให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี”
ในฐานะที่ “ก้าวไกล” เป็นหัวขบวนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน “ศิริกัญญา” ประเมินช่วง 60 วันที่เพิ่งผ่านไปของ “เศรษฐา ทวีสิน” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยว่า “ก็เป็น 60 วันที่ช้ำในเหมือนกัน ใช่ไหมคะ”
“Work smart not work hard (ทำงานอย่างชาญฉลาดไม่ใช่ทำงานหนัก) ใช่ค่ะ อันนี้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชอบสอนดิฉันมา”
จากนั้น “ไหม ศิริกัญญา” พูดถึงความช้ำของนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่ประกาศทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ว่า “บางทีทำงานมากจนล้าเกินไป ก็อาจจะคิดอะไรไม่ออก คิดหาทางออกของแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ ก็ได้”
ด้วยคุณวุฒิที่ “ศิริกัญญา” จบปริญญาตรีและโท คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท มหาวิทยาลัยตูลูส ฝรั่งเศส ผ่านตำแหน่ง ผอ.ฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่
และล่าสุดรับหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล จนมีข่าวว่า “ศิริกัญญา” อาจได้เป็นหัวหน้าพรรคแทน “พิธา” แต่ที่สุดเป็น 'ชัยธวัช' แกนนำตัวจริงขึ้นหัวหน้าพรรคแทน
เธอเริ่มเข้าปมร้อนวิพากษ์จุดอ่อนของนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ “พรรคเพื่อไทย” ชูเป็นนโยบายหลักในการหาเสียง และต้องหาทางออกด้วยการออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่า เราเห็นมาตั้งแต่ต้น ตอนที่หาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยชูนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะมีการจัดแจงแหล่งที่มาของงบประมาณ ว่าจะไปใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยจะไม่มีการกู้
“เราเห็นตั้งแต่วันนั้นแล้วว่า วิธีการคิดแบบนี้เป็นวิธีการที่ผิด เราเห็นช่องโหว่ตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยก็ยืนยันทุกๆ เวที จะไม่มีการกู้เงินเพิ่ม จนกระทั่งจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อย ได้ข่าวว่าเขาทราบแล้วว่า ใช้วิธีการที่เขาหาเสียงไม่ได้ แล้วต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีกู้เงินจากธนาคารออมสินแทน คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 12 ดูกฎหมายการเงินการคลังก็วิเคราะห์ออกมาแล้วว่า ไม่สามารถกู้ได้ เพราะติด พ.ร.บ.ออมสิน”
"ตอนนี้ถึงทางตันจะไปใช้งบประมาณ ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ไม่พอใช้ มันก็ออกมาเป็นหน้าสุดท้าย คือออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท แล้วก็กระบวนการที่ฉุกละหุกไปนิดหนึ่ง ทำให้วันสุดท้ายที่มีการแถลงว่า เงินจะมาจากไหน ยังไม่ได้มีการหารือกับกฤษฎีกาก่อนด้วยซ้ำว่าสามารถทำได้โดยไม่ถูกกฎหมายหรือเปล่า"
"บางทีทำงานมากจนล้าเกินไป ก็อาจจะคิดอะไรไม่ออก คิดหาทางออกของแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ ก็ได้"
“ศิริกัญญา” ระบุว่า จะทราบดีว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ตามมาตรา 140 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่าการที่จะกู้เงินได้จำเป็นต้องมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะแก้ไขปัญหาประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่ทัน ดังนั้น ต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้ถึงจะกู้เงินได้
เมื่อถามถึงกรณีรัฐบาลมั่นใจว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทจะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ แน่นอน “ศิริกัญญา” บอกว่า เราคงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลผนึกกำลังกันแน่น ยังไงก็มี สส. 300 กว่าเสียงในมือ เราจะเข้าไปแทรกแซงหรือคัดค้านไม่สำเร็จอยู่แล้ว คงได้แค่บอกเล่าความเป็นไปให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ และด้วยกระบวนการประชาธิปไตยถ้ามันมีประชาชนออกมาค้านเป็นจำนวนมาก สุดท้ายก็คงเปลี่ยนใจทางฝั่งรัฐบาลได้เหมือนกัน
อีกเงื่อนไขหนึ่งที่เป็นจุดเปราะบางของพรรคร่วมรัฐบาล คือ “สัญญาณรอยร้าว” ในการเกลี่ยงบประมาณมาลงนโยบาย ”ดิจิทัลวอลเล็ต“
"ถึงแม้จะเป็นการกู้ แต่ต้องใช้เงินคืนในอนาคต โดยเงินนี้สัญญาจะใช้เงินคืนใน 4 ปี แต่ละปีจะมีภาระหนี้ต้องคืนปีละ 1 แสนกว่าล้านบาท จะมากินงบประมาณที่พรรคร่วมรัฐบาลจะแบ่งกันอยู่ ถูกไหมคะ พอหายไปแสนกว่าล้าน มันก็ทำให้เกิดเป็นรอยร้าวได้เช่นเดียวกัน"
"พรรคร่วมที่ดูแลกระทรวงอื่นๆ เขาก็อาจมีงบประมาณไปใช้ในเรื่องอื่นน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเกิดรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลได้เช่นเดียวกัน แม้สุดท้ายเขาผนึกกำลังกันได้ ประชาชนเสียงไม่ดังพอจะทำให้รัฐบาลเปลี่ยนใจ ก็มีด่าน สว.จะใช้สิทธิไม่เห็นด้วย หากในชั้นวุฒิสภาไม่เห็นด้วย ก็จะถูกส่งกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎรอีกรอบหนึ่ง ถ้าสภาฯ ยืนยันก็ยังคงไปต่อได้ แต่ต้องเว้นระยะเวลาค่อนข้างนานเหมือนกัน"
ขณะเดียวกัน การใช้วิธีออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำ “เงินดิจิทัล” มาใช้นั้น ทำให้ “ศิริกัญญา” ฟันธงว่า “สุดท้ายประชาชนจะไม่ได้เงินสักบาท ถ้ารัฐบาลเลือกวิธีออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5แสนล้านบาทนะคะ ที่ดิฉันพูดอย่างนี้ไม่ได้มีเจตนาคัดค้านจนถึงที่สุด แต่ว่าด้วยวิธีการนี้สุ่มเสี่ยงการผิดกฎหมาย ผิดตัว พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน มีวิกฤต ตั้งงบประมาณไม่ทัน”
"สุดท้ายไม่น่าเกิดขึ้นได้ และไม่น่าจะมีคนได้เงินสักบาท วิธีการทั้งหมดนี้น่าจะเป็นการวางกลยุทธ์หาทางลง ที่ไม่ต้องทำนโยบายนี้ เมื่อหาแหล่งที่มา แหล่งเงินไม่ได้จริงๆ ก็เลยมาจบที่ท่านี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า ถ้าจบท่านี้ มันก็จบตรงที่ไม่ได้ทำดิจิทัลวอลเล็ต"
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำว่า ไม่อยากให้ถึงด่านสุดท้าย คือศาลรัฐธรรมนูญ จนสุดท้ายถูกคว่ำซ้ำรอยร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“ต้องบอกว่าดิฉันไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนี้เลย ยังยืนยันว่าถ้านโยบายนี้จะไปต่อไม่ได้ ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการตามประชาธิปไตยปกติ ไม่ต้องมีองค์กรอิสระใดๆ มาแทรกแซงนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขอยืนยันชัดเจนเรื่องนี้ว่า พรรคก้าวไกลไม่มีวันไปยื่นเองแน่นอน พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยในการไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ”
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี บอกว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แนะให้กู้เงินเป็นทางออกสำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
“ศิริกัญญา” บอกว่า ไม่เชื่อว่าแบงก์ชาติจะพูดแค่นี้บอกว่าแนะนำให้รัฐบาลกู้เงินมา คิดว่าเป็นการที่ ธปท.พูดว่าคุณจะทำโครงการนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีเงินสดมาแบ็ค 5 แสนล้านบาท คุณไม่สามารถออกงบฯผูกพันหลายปีได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะมีเงินสกุลใหม่ขึ้นมาใช้แทนเงินได้ ซึ่งแบบนี้จะผิด พ.ร.บ.เงินตรา ตนเองไม่รู้ว่าด้วยการตีความแบบไหน ว่าแบงก์ชาติบอกให้กู้เงิน ซึ่งขัดกับสิ่งที่ ธปท.ออกมาแสดงจุดยืนมาโดยตลอด
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย ชี้ว่าการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดเพดานหนี้สาธารณะให้ไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลัง 70% ของจีดีพีนั้น ก็เป็นไปได้ยาก โดย ”ศิริกัญญา“ ย้ำว่าหลายประเทศก็เคยทำมาก่อนหน้านี้ มันมีการศึกษาเรียบร้อย การแจกเงินแบบนี้ไม่ได้มีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากอย่างที่เข้าใจ
”5 แสนล้านบาทที่ประมาณ 3% ของจีดีพี จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้แค่ 1% เท่านั้นเองไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียน 3.3 เท่าอย่างที่พรรคเพื่อไทยพูด"
ด้วยสถานการณ์ที่ “พรรคก้าวไกล” ยังคงต้องรอลุ้นผลการพิจารณาคำร้องในคดียุบพรรคในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.อาญา มาตรา 112 เพื่อยกเลิกมาตรา 112 นั้น ขุนพลมือเศรษฐกิจพรรคสีส้ม ย้ำว่า ”พรรคก้าวไกลมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วระดับหนึ่ง เตรียมสถานการณ์ ถ้าผลออกมาแง่บวก หรือแง่ลบ เรามีประสบการณ์มาแล้ว 1 ครั้ง ถ้าเราโดนยุบพรรคอีกครั้งหนึ่ง จะเท่ากับไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย เพราะเรายังไม่แน่ใจว่าพรรคต่อไปจะชื่ออะไรดี แต่เราคิดว่าเรามีภูมิคุ้มกันแล้ว“
หากจะให้นึกถึงบทเพลงของใครก็ได้ เปรียบกับสถานการณ์การเมืองไทยที่ “พรรคก้าวไกล” เกือบได้ตั้งรัฐบาล แต่ถูกเพื่อนที่เคยร่วมอุดมการณ์กันมาปาดหน้าคว้าแกนนำรัฐบาลไปแทน “ศิริกัญญา” อุทานออกมาอย่างมีรอยยิ้มว่า “โห... นึกไม่ออกเลย”
“ศิริกัญญา” นิ่งคิดพร้อมบอกว่า "มันเหมือนกับเพลงอะไรเหรอ เพลงอะไรดี นึกไม่ออกเลย แบบว่ามันได้ถึง อ๋อ.. มันก็จะเหมือน เพลง “ผ่าน” ของวง Slot Machine มันก็มีเรื่องเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่คาดฝัน หลายๆ เรื่องที่มันเกิดขึ้นมาอาจจะไม่ได้เป็นเพลงตามที่เราคิด"
"อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว ยังมีเรื่องราวที่ดี ที่เคยได้จดจำ เก็บคืนและวันที่ผ่าน ที่เคยได้ปวดร้าว ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ"
ศิริกัญญา โชว์ลูกคอให้ฟังพร้อมอมยิ้มถึงเส้นทางที่ "พรรคก้าวไกล" ได้ถูกกระทำ จนพลาดท่าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล