'พรรณิการ์' ติง 'ซอฟต์พาวเวอร์' ยุทธศาสตร์ไม่ชัด ห่วงละเลงงบ-ทุจริต
"พรรณิการ์" ห่วง กก.ซอฟต์พาวเวอร์ ทุ่มงบใหญ่-จัดอีเวนท์ทั้งปี ตั้งคำถามรูปธรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ติงเล่นใหญ่แต่ยุทธศาสตร์ไม่ชัด ห่วงละเลงงบ-ทุจริต
น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ระบุเตรียมจัดงานมหาสงกรานต์ World Water Festival - The Songkran Phenomenon ตลอดเดือนเมษายน ทั่วประเทศโดยทยอยจัดทั้งประเทศ 77 จังหวัด ว่า ตนขอตั้งคำถามเกี่ยวกับการเฟสติวัล คือ
1.งบประมาณ 5,164 ล้านบาท ที่ถูกเปิดออกมา ล่าสุดมีถึง 1,009 ล้านบาท ในส่วนของเฟสติวัล ทั้งที่มีถึง 11 กลุ่มอุตสาหกรรม การที่กลุ่มอุตสาหกรรมเฟสติวัลได้มากที่สุด ทำให้เกิดคำถามที่ว่า สุดท้ายจะลงเอยด้วยการจัดอีเวนต์แล้วก็จบหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ว่าประเทศไทยจะว่างเว้นจากอีเวนต์ แต่จะมีอะไรที่แตกต่างออกไป ในเมื่อเราทุ่มเงินจัดอีเวนต์ระดับพันล้านบาท ไม่นับอีเวนต์ที่มีอยู่แล้วของกระทรวงต่างๆ
2.การจัดสงกรานต์เป็นเฟสติวัลยาวหนึ่งเดือน และหมุนเวียนกันไปในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ข้อสังเกตจากกรณีที่นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คำถามคือ ถ้านโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นไปอย่างที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ ซึ่งคือการสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศ การไปหาสถานที่ใหม่ สร้างจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ในเทศกาลสงกรานต์ ที่ไม่ว่าอย่างไรคนก็มาท่องเที่ยวอยู่แล้ว อาจจะดีกว่าหรือไม่
"ถ้ารัฐบาลคิดจะสร้างเม็ดเงิน สร้างรายได้ สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศ อาจต่อยอดต่อไปในปีต่างๆ จุดหมายปลายทางใหม่ๆ อาจจะน่าสนใจมากกว่า การไปจัดในที่ที่แออัด คับคั่ง กำลังติดตามว่า เมื่องบประมาณออกมาจากกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ฯ ซึ่งไม่ใช่หน่วยรับงบประมาณ แต่งบประมาณก้อนที่จะต้องถูกยัดลงไปในแผนของส่วนรับงบประมาณอื่นๆ กระทรวง ทบวง กรมใด จะเป็นผู้รับไป เบื้องต้นทราบว่า งบประมาณถูกจัดสรรไปที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ในปี 2567 จะต้องอยู่ในสถานะงบฝาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้มากน้อยเพียงใด" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ จะได้ผลเป็นรูปธรรมหรือเป็นแค่การเติมคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ไปในงบประมาณที่มีอยู่เดิม ไม่ต่างจากคำว่าบูรณาการ ดิจิทัล พอเพียง และตนขอตั้งคำถามต่อรูปธรรมของการเกิดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ เกิดเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ๆ ให้กับคนไทยในระยะยาวได้จริงหรือไม่
น.ส.พรรณิการ์ ยังกล่าวถึงนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า จะสร้างรายได้ให้ครอบครัว ครอบครัวละ 200,000 บาท จำนวน 20 ล้านครอบครัวต่อปี ว่า ถ้าต้องการผลที่ใหญ่ขนาดนั้น ตัวเลขการลงทุนเบื้องต้นในปี 2567 อาจยังไม่สามารถคาดหวังได้มากขนาดนั้น เพราะงบประมาณปี 2568 แทบจะต้องพิจารณาต่อกันเลย เนื่องจากงบประมาณปี 2567 ล่าช้า ปี 2567 อาจจะพูดได้ว่าเป็นปีแรกของรัฐบาล อาจจะยังเตรียมการไม่ทัน แต่ปี 2568 จะเริ่มพิจารณากลางปีหน้าแล้ว ต้องรอดูว่า จะซ้ำรอยในการจัดงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ที่ยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เมื่อถามว่า ไม่กังวลเรื่องการทุจริต หรือการฉวยโอกาสจากกลุ่มบุคคลใดใช่หรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการใด ก็สามารถทุจริตได้ทั้งนั้น แต่ที่เรากลัวซอฟต์พาวเวอร์ เนื่องจากยังไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และใช้เงินไปกับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม สุดท้ายจะได้แบบคนละนิดละหน่อย แล้วทำให้ยังไม่ทันเห็นผลชัดเจนในปีแรกที่ทำงาน รวมถึงเท่าที่ในรายละเอียด งบประมาณก้อนนี้ จะถูกใช้ไปในอีเวนต์ อบรม สัมมนา ซึ่งเป็นงบประมาณตัวที่เขียน และใช้ง่ายที่สุด