‘ก้าวไกล’ ฉายเดี่ยว นิรโทษฯ 112 ‘เพื่อไทย’ โปรยเงิน กลบจุดอ่อน
ก้าวไกล-เพื่อไทย พยายามทำให้ตัวเองยืนหนึ่งในทางการเมือง ศัตรูคนสำคัญของเพื่อไทยวันนี้คือก้าวไกล แต่ก้าวไกล อาจกำลังสับสน เอาเข้าจริงเพื่อไทยคือศัตรูเบอร์1ของตัวเองหรือไม่ เพราะอาจเกรงใจผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังทั้ง2พรรค ในวันที่ไร้ ประยุทธ์ ในกระดานการเมือง
สมรภูมินิรโทษกรรมทางการเมืองถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง นำโดยพรรคก้าวไกล ที่กำลังต้องการจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตัวเอง หลังผ่านศึกเลือกตั้ง ปี66 เพื่อเลี้ยงกระแสเตรียมตัวเดินหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งถัดไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของพรรคอนาคตใหม่ จนมาเป็นก้าวไกล มีจุดเริ่มต้นหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 กระทั่งมาถึงจุดที่เรียกว่าพีคที่สุดของก้าวไกล คือเลือกตั้งชนะมาเป็นที่1 แต่ด้วยเงื่อนไขรวมถึงปัจจัยต่างๆ ส่งผลให้ก้าวไกล โดนโดดเดี่ยวเป็นฝ่ายค้าน แทนที่จะได้เป็นรัฐบาล
นั่นเพราะเจอคู่รักหักเหลี่ยมโหด อย่างเพื่อไทย ที่ยอมเสียสัจจะ ทิ้งก้าวไกล ไปจับมือเถลิงอำนาจร่วมกับเครือข่าย 2ลุง ที่เป็นนั่งร้านให้ จนสะเทือนฐานเสียงของตัวเองและคนรุ่นใหม่
แต่เพื่อไทย มองว่าในวิกฤติมีโอกาส การได้เป็นรัฐบาล นอกจากจะเอื้อให้คนชั้น14 ไม่มากก็น้อยแล้ว ยังได้เปรียบ สามารถผลักดันนโยบายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เพื่อชดเชยจุดอ่อนในทางการเมืองของตัวเอง
จึงได้เห็นความพยายามคลอดดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การปลุกปั้นซอฟต์พาวเวอร์ ปูพรมประชุมครม.สัญจร หว่านโปรยเม็ดเงินผ่านโครงการในจังหวัดรองและใกล้เคียง ต่างก็ถูกมองหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น
ฟากก้าวไกล ก็ต้องเดินเกมในสภาตามที่ตัวเองถนัด เช่น การเสนอกฎหมาย ต่างๆ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุผลเรื่องความปรองดอง แก้ปมขัดแย้งทางการเมือง แถมพ่วงผู้ต้องหาคดี ม.112 ประเด็นดังกล่าวกำลังกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่กดดันให้หลายพรรคการเมืองแสดงจุดยืน แทบทั้งหมดในฝ่ายรัฐบาลต่างตรงข้ามก้าวไกล เพื่อไทยก็เตรียมเสนอร่างประกบ แม้บางคนในเพื่อไทยจะเห็นดีเห็นงามกับก้าวไกลบ้างก็ตาม
ชัยธวัช ตุลาธร หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุเหตุผลเรื่องนี้ชัดเจนว่า คดี ม.112 ผู้ถูกฟ้องร้องมากที่สุดคือเยาวชนที่เคลื่อนไหวช่วงปี 62-65 บางรายอายุไม่ถึง 18 ปี ม.112 จึงเป็นเงื่อนปมความขัดแย้งครั้งใหญ่ การนิรโทษกรรม ม.112 จะส่งผลต่อการผ่อนคลายความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน
ก้าวไกล เองก็รู้ดีว่า การเดินเดี่ยวนิรโทษกรรม ม.112 โอกาสผ่านสภา แทบเป็นศูนย์ ในบริบทที่รัฐบาลมี 300 กว่าเสียง แต่การจะลดเพดานบิน โอกาสที่กระแสจะตีกลับก็อาจเกิดขึ้น หลังจากเสียฟอร์มอยู่ไม่น้อย ในกรณีที่กลายเป็นจ่าเฉย ปล่อยเบลอไม่แตะต้องทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าได้สิทธิพิเศษเหนือนักโทษคนอื่นๆหรือไม่
จนทุกอย่างมากระจ่างเมื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยอมรับว่าได้พูดคุยกับทักษิณ ในช่วงก่อนจัดตั้งรัฐบาลจริง หลายคนเลยถึงบางอ้อ เพราะเอาเข้าจริง ถ้าดูเส้นทางของทักษิณตั้งแต่เป็นนักธุรกิจ จนประสบความสำเร็จสูงสุดทางการเมืองในตำแหน่งนายกฯ เต็มไปด้วยครหาที่เกี่ยวพันระบบอุปถัมป์หนักหนาเพียงใด แต่ก้าวไกล นั้นแทบนิ่ง ทั้งที่รู้ว่าพฤติกรรมเหล่านั้น ตรงข้ามกับอุดมการณ์ตัวเองแค่ไหน
สถานการณ์วันนี้ของก้าวไกล และเพื่อไทย ต่างพยายามทำให้ตัวเองยืนหนึ่งในทางการเมือง แน่นอนศัตรูคนสำคัญของเพื่อไทยวันนี้คือก้าวไกล แต่ก้าวไกล เองก็อาจกำลังสับสนว่าเอาเข้าจริงเพื่อไทยคือศัตรูเบอร์1ของตัวเองหรือไม่ เพราะอาจเกรงใจผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังทั้ง2พรรคที่ว่า ในวันที่ไร้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในกระดานการเมือง จากที่เคยเป็นแรงส่งให้ก้าวไกลทะยาน เพราะอารมณ์ร่วมของผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่เบื่อกับการอยู่นานเกือบ 10 ปี เลยอยากเปลี่ยนของใหม่ คนในองคาพยพของลุงๆ ก็ยอมรับเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว
คนในเพื่อไทยก็ได้วิเคราะห์คะแนนเขตหลายพื้นที่ ฐานเสียงตัวเองยังเหนียวแน่น ไม่ได้หดหายอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ฐานคะแนนในกลุ่มอนุรักษนิยมเดิมต่างหาก ที่เปลี่ยนใจไปเทให้ก้าวไกล จนเพื่อไทยแพ้เรียบ ดังนั้น ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภา น่าจะได้เห็นการเดินเกม และพลิกแพลงสถานการณ์ของ 2 พรรคที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ