ด่วน ! ‘อภิสิทธ์’ ลาออกจาก ปชป. ชิงหัวหน้าพรรคเดือด ท้าเคลียร์นอกห้อง
ชิงหัวหน้าปชป. "ชวน" เสนอ "อภิสิทธิ์" เจ้าตัวลั่นไม่ใช่เรื่องแพ้- ชนะ สวนเดือด ท้าเคลียร์ ต่อตัวนอกห้อง "เฉลิมชัย" ลั่นไม่ใช่พรรคอะไหล่-ไม่มีวันยอม ก่อน"อดีตหัวหน้าพรรค" ประกาศลาออก โยน "เฉลิมชัย" ตอบปมร่วมรัฐบาล
9 ธ.ค.2566 การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้เริ่มต้นขึ้นในเวลา 09.30 น. โดยมีแกนนำ สส.และสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
บรรยากาศการประชุมเป็นที่น่าสังเกตว่า แกนนำพยายามสยบภาพความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะ นายชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ ได้นั่งเคียงข้างกับอีกกลุ่มคือ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รวมถึงนายเดศอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ขณะที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค และรักษาการเลขาธิการพรรคได้นั่งในลำดับถัดไป โดยทันทีที่มาถึงนายเฉลิมชัย ได้เข้าไปสวัสดีทักทายผู้ใหญ่พรรค อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐานสส.บัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2566 จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรค
โดยเริ่มที่นายชวน ได้เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยเห็นว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ คนที่เลือกมา ต้องไม่ด้อยไปกว่าพรรคอื่น ทั้งนี้มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ด้อยกว่าใคร ในเวลานี้ มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์จะนำพรรคไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย พร้อมเชื่อว่าสถานการณ์นี้ จะนำไปสู่ความก้าวหน้าได้ ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ถือว่า มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
จากนั้นได้เปิดให้สมาชิกยกมือรับรอง ผลปรากฎว่า มีสมาชิกให้การรับรอง 169 คน ถือว่าให้การรับรองครบถ้วนตามข้อบังคับ จึงถือว่านายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ถูกเสนอชื่อ
นายอภิสิทธ์ ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ถ้าจะพูดถึงความอยากจะเป็น ไม่เคยคิดว่าอยากเป็น ความต้องการส่วนตัวมองถึงอนาคตพรรค ที่ผ่านมาตนถูกพาดพิงทางสาธารณะมาโดยตลอด 4 ปีหลังแสดงจุดยืนที่ไม่ตรงกับจุดยืนพรรค นั่นคือการไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากนั้นจึงต้องระมัดระวังบทบาทตัวเองมาโดยตลอด มีการต่อว่าตน ว่าเห็นแก่ตัวที่ไม่กลับมาช่วยพรรค
ที่ผ่านมาพรรคมีปัญหามาโดยตลอด มีการลงชื่อถึง 2 ครั้ง ของกรรมการบริหาร เพื่อลาออกเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ซึ่งสมาชิกมาหารือตน
ถามว่าวันนี้มีเหตุผลอะไรที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคภายใต้สถานการณ์การเมือง ตนแทบไม่มีเหตุผลอะไรเลย แต่คิดภายใต้เหตุผลของนายชวน ที่เป็นหนี้บุญคุณพรรค
สิ่งที่ผ่านมา ทำให้ตนตั้งคำถามว่า เราตระหนักมากแค่ไหนว่า พรรคอยู่ในภาวะที่เรียกว่า ยิ่งกว่าวิกฤติ เราคิดกันจริงจังหรือยังว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร บทเรียนข้อสรุปต่างๆ ไม่ได้คิดว่ายากเกินไป การเดินไปข้างหน้าจึงเป็นเรื่องของการค้นหาจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปัตย์ ว่าเราจะเดินไปถึงจุดไหน
"วันนี้ไม่ใช่เรื่องใครชนะ ใครแพ้ แต่วันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ ถ้าไม่มีความเป็นเอกภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครชนะหรือแพ้ ก็จะมีปัญหา ผมแพ้ก็มีปัญหา ผมชนะก็ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่ เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา วันนี้เมื่อมีการเสนอชื่อผม ถามท่านรักษาการหัวหน้าพรรค พักการประชุมแล้วคุยกับผมไหม"
โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า "ผมได้พูดไปแล้วว่าจะหยุด ไม่เคยปฏิเสธว่าพูดแล้วต้องรับผิดชอบ แต่ขอเรียนว่า อยู่ดีๆ ไม่มีใครพูดส่งเดช มันต้องมีที่มาที่ไป บางครั้งสถานการณ์บางอย่าง ผมบุกบั่นกับประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ 2518 มันคือสายเลือด และยึดมั่นในอุดมการณ์ซื่อสัตย์สุจริต 100 %"
"ผมพร้อมจะคุยกับท่าน แต่ท่านไปคุยกับผม 2 คนได้หรือไม่"
นายอภิสิทธิ์ตอบกลับว่า "ผมกับท่านไม่เคยทะเลาะกัน ถ้าจะไปคุยกัน 2 คน แล้วมีพยาน ผมไม่ขัดข้อง"
นายเฉลิมชัย ย้ำว่า "ผมอยู่ ปชป.มา 22 ปี ผมยืนยันว่าปชป.ไม่ใช่พรรคอะไหล่ใคร และไม่มีวันยอม"
จากนั้น เวลา 11.15 น. นายเฉลิมชัยได้พักการประชุม 10 นาที เพื่อไปพูดคุยกับนายอภิสิทธ์นอกห้องประชุม
จากนั้น นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า เข้าใจตรงกันทุกอย่าง ผมเรียนเลขาธิการพรรคว่า
ขอถอนตัว ผมขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยืนยันกับทุกท่านที่นี่ ผมไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณีที่จะรักษาอุดมการณ์ เพื่อรับใช้บ้านเมืองต่อไป ถ้าอนาคตคิดว่าผมจะช่วยได้ ก็ไม่ปฏิเสธ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องประชุมไปทันที
ระหว่างเดินทางกลับนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ได้พูดไปหมดแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรค้างคาใจ
ส่วนจากนี้จะวางบทบาททางการเมืองอย่างไรยอมรับว่ายังไม่ได้คิด เมื่อถามว่าคาดการณ์ล่วงหน้าว่าหากพูดคุยกับนายเฉลิมชัยแล้วจะลาออกจากพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามว่า ในระหว่างการคุยกันนายเฉลิมชัยบอกว่าจะไปร่วมรัฐบาลหรือไม่จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวท่านก็พูดเอง
เมื่อถามย้ำว่า การตัดสินใจลาออกได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังคงปฏิเสธการตอบ พร้อมกับเดินขึ้นรถ โดยในระหว่างนั้นมีสมาชิกพรรควิ่งจับมือ ซึ่งนายอภิสิทธิ์บอกว่าเดี๋ยวเจอกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับ