แผ่นดินไหว 'พระแม่ธรณี' ! อ่านเกม 'อภิสิทธิ์' ทิ้ง 'ประชาธิปัตย์' ทำไม?
วลี "ผมไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย" ของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" วัย 57 ปี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองภายใน "พรรคประชาธิปัตย์" พุ่งเข้าขั้วหัวใจ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" หัวหน้าพรรคคนใหม่
พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย อายุกว่า 77 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประวัติศาสตร์การแตกหักภายในพรรคกันมาหลายยุค
ส่วนใหญ่ผู้พ่ายแพ้ภายใน "พรรคสีฟ้า" จะต้องเป็นฝ่ายเก็บความชอกช้ำเดินออกจากพรรคไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่ ถ้าไม่ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เลือกเดินไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นแทน
แต่สำหรับ "เดอะมาร์ค" หาเป็นเช่นนั้นไม่!
"อภิสิทธิ์" พลิกเกมเพื่อรักษาแต้มต่อทางการเมือง เมื่อรู้ว่าตัวเองมีสิทธิแพ้สูงถ้าลงแข่ง จึงขอถอนตัว และใช้เวลาพักประชุมถกเครียดกับ "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย ช่วง 10 นาทีกว่าๆ
เป็นเวลา 10 กว่านาที ซึ่งไม่มีใครในพรรคสีฟ้าล่วงรู้ความในใจของอดีตหัวหน้าพรรคผู้นี้
เมื่อเคลียร์ใจไม่ลงตัว ปฏิบัติการ "อภิสิทธิ์" สวมบทโชว์สปิริต จนเปล่งวลี "ลาออกจากสมาชิกพรรค" จึงออกมากลางที่ประชุมพรรค
ปิดฉาก "เดอะมาร์ค" ศิษย์รักภายใต้บรมครูการเมือง "ชวน หลีกภัย" ที่ลงเล่นการเมืองกับ "พรรคประชาธิปัตย์" เพียงพรรคเดียวตั้งแต่ปี 2535
อดีตผู้นำพรรค ผู้รักสโมสร "นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด" เคยนำ "พรรคเก่าแก่" บอยคอตเลือกตั้ง 2 ครั้งเมื่อปี 2549 และ ปี 2557 แต่ประสบความสำเร็จตั้งรัฐบาลพลิกขั้วเมื่อปี 2551
ผลประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 กระเทือนถึงขั้นสมาชิกและอดีต สส.ในสาย "อภิสิทธิ์" ต้องทยอยแห่ลาออก เป็นปรากฏการณ์ "เลือดสีฟ้า" ไหลไม่หยุด
จนกลายเป็นอาฟเตอร์ช็อก! หลายระลอก สะเทือนถึง "พระแม่ธรณี" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค
ไม่ว่าจะเป็น สาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.ระยอง นพ.สุรันต์ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม. อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต สส.กทม. สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง อัญชลี วานิช เทพบุตร อดีต สส.ภูเก็ต ทยอยประกาศลาออกสมาชิกพรรคตาม "อภิสิทธิ์"
กระทั่งล่าสุด สส.คนสนิทของ "อภิสิทธิ์" อย่าง "พนิต วิกิตเศรษฐ์" อดีต สส.บัญชีรายชื่อ แอบส่งใบลาออกไปยังนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงาน กกต.ไว้ก่อนหน้านี้ 2 เดือน แบบเงียบๆ
ก่อนหน้านั้น ปี 2562 "อภิสิทธิ์" หัวหน้าพรรคคนที่ 7 แห่ง "พรรคสีฟ้า" ที่มีคำขวัญประจำพรรค "คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย" กอดสัจจะอุดมการณ์การเมืองเป็นหลัก ประกาศแนวทางของตัวเองไม่ยอมรับมติพรรคด้วยการลาออกจาก สส.ก่อนลงมติเห็นชอบนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2562
เหตุการณ์ครั้งนั้น "อภิสิทธิ์" หยิบยกจดหมายบาป 7 ประการของ "มหาตมะ คานธี" โดยพูดต่อหน้าสื่อมวลชนและ สส.ในขณะนั้นที่มุงฟังคำแถลงว่า "คานธี เคยส่งจดหมายถึงหลาน พูดถึงบาป 7 ประการ หนึ่งในนั้นคือ การเมืองที่ปราศจากหลักการ ผมไม่สามารถทำบาปนั้นได้ ผมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจลาออกจากการเป็น สส.จากนี้เป็นต้นไป”
กลุ่มอดีต สส.สาย "อภิสิทธิ์" อ่านเกมออก เพราะรู้อยู่แล้ว 1,000% "เฉลิมชัย" มาแน่ เพราะเกมนี้ต้องเล่นเองนั่งหัวหน้าพรรคเอง เดิมพันด้วยเรื่องสำคัญ และการเลี้ยงดู 21 สส.ภายในสังกัด
1 ในนั้นหนีไม่พ้น เรื่องการวางบทบาทของ "พรรคประชาธิปัตย์" ว่าจะเป็นร่วมรัฐบาลเต็มตัว หรือจะอยู่เป็นฝ่ายค้านแบบไม่ค้านอย่างจริงจัง ตามธรรมเนียมและอุดมการณ์ของ "คนเก่าแก่" ภายในพรรคที่ยึดถือมาตลอด
ยิ่ง "เฉลิมชัย" เคยประกาศในงาน "รวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน" ที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 ตอนหนึ่งว่า "ผมไม่บอกว่าจะได้กี่เขต แต่วันที่พรรคมีวิกฤต ผมประกาศไว้ชัดเจนแล้ว รอบนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำกว่า 52 ที่ ผมเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต เลิกเล่นนะ ไม่ใช่หยุดเล่น เลิกคือหันหลังเดินออกไปเลย"
วาทกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะสาย "อภิสิทธิ์" ที่อินกับ "สัจจะทางการเมือง" รับไม่ได้ และเห็นว่า "พรรคประชาธิปัตย์" ภายใต้การนำ "เฉลิมชัย" ไม่ยึดขนบธรรมเนียมเก่าของพรรค หลังทำผลงานได้ สส.กลับมาแค่ 25 ที่นั่ง แต่ไม่แสดงสปิริตทางการเมือง
ผนวกกับคนเก่าในพรรคไม่มีที่ยืนด้วย และหากอยู่ต่อจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับ "ขั้วใหม่" ใน "พรรคประชาธิปัตย์"
อ่านเกม "อภิสิทธิ์" โชว์สปิริตกระเทือนพรรคสีฟ้าครั้งนี้ แม้กระทั่งคนใกล้ชิดก็ไม่คาดคิดว่า "อดีตหัวหน้าพรรค" จะทิ้งไพ่ ลาออกสมาชิกพรรค
คนใกล้ชิด "อภิสิทธิ์" รู้เพียงว่า มีความพยายามให้ "อภิสิทธิ์" ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาตลอด ทั้งที่การเสนอชื่อครั้งนี้ อาจทำให้ "อภิสิทธิ์" มีความเสียหายทางการเมืองได้
ว่ากันว่า "อภิสิทธิ์" รักษาน้ำใจ บรมครูการเมือง "ชวน หลีกภัย" ที่เสนอชื่อเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 แต่ "อภิสิทธิ์" อ่านเกมออก ลงแข่งมีแต่แพ้ทั้งนั้น
นับจากนี้เกมการเมืองของ "อภิสิทธิ์" จะเดินก้าวต่อไปอย่างไร ในวันที่ "พรรคประชาธิปัตย์" เปลี่ยนแปลงจากเดิม เพราะจุดยืน "อภิสิทธิ์" รับไม่ได้กับพรรคที่มาจากอำนาจเผด็จการ และพรรคเพื่อไทยที่เขาเคยต่อสู้กับ "ระบอบทักษิณ"
คนใกล้ตัว "อภิสิทธิ์" ประเมินเกม "เลือดสีฟ้า" ไหลไม่หยุดว่า
1.การลาออก "อภิสิทธิ์" ครั้งนี้ที่ทิ้งสมาชิกพรรค แต่ยังกอดแบรนด์ "ประชาธิปัตย์" แบบเหนียวแน่น เพื่อถอยออกมาตั้งหลัก เป็นคนนอกเพื่อรักษาจุดยืนของตัวเอง แล้วรอเวลาให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำสุดขีดก่อน ถึงเวลานั้นการกลับมาของ "อภิสิทธิ์" และบรรดาสหายเก่าสมาชิกเก่าที่มีเลือดสีฟ้าจะกลับมาพลิกฟื้นพรรค ก็ยังไม่สายเกินแก้
2.ถ้า "อภิสิทธิ์" ยังอยู่ต่อ ด้วยการรักษาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไว้เช่นเดิม รูปเกมก็จะไม่ต่างจากเดิมก่อนที่ "เฉลิมชัย" จะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะจะยิ่งถูกวางเป็นหมากการเมืองให้กับกลุ่มการเมืองใหม่ภายในพรรค
ที่รู้ๆ ณ นาทีนี้ แน่นอนว่า เลือดสีฟ้าคงไหลไม่หยุด เพราะคนใกล้ตัว "อภิสิทธิ์" เคยกระซิบบอกอดีตหัวหน้าพรรคผู้นี้ว่า "จะอยู่ต่อเป็นหมากให้พวกนั้นทำไม"
ด้วยเหตุที่ว่าทำให้ ชาวสีฟ้าผู้ยึดอุดมการณ์แบบ "อภิสิทธิ์" แห่ทยอยลาออก และไม่รู้ได้ว่า "เลือดสีฟ้า" จะหยุดไหลเมื่อไร
12 ธ.ค. 2566 "พนิต วิกิตเศรษฐ์" อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อนที่มองตาและรู้ใจ "อภิสิทธิ์" โพสต์เฟซบุ๊ก #หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยยื่นใบลาออกสมาชิกพรรคตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566
"หลังจากนี้ทุกฝ่ายก็ต้องน้อมรับผลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกเรา จนทำให้พรรคเดินมาไกลถึงขณะนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี และพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ"
การลาออกของ "พนิต"ล่วงหน้าก่อน "อภิสิทธิ์" เป็นเดือนๆ และไม่มีข่าวรั่ว แม้อดีตหัวหน้าพรรค "อภิสิทธิ์" จะเคยขออย่าเพิ่งออก แต่การอ่านเกมออกรู้ผลล่วงหน้าของ "พนิต" ห้ามยังไงก็รั้งไว้ไม่อยู่!