ยกฟ้อง 'ปริญญ์' คดีอนาจารสาววัย 17 ปี เหตุไม่ได้แจ้งความใน 3 เดือน
ศาลอาญา ยกฟ้อง 'ปริญญ์ พานิชภักดิ์' คดีถูกกล่าวหาอนาจารสาววัย 17 ปี ชี้เหตุเกิดตั้งแต่ปี 61 แต่ผู้เสียหายไม่ได้แจ้งความใน 3 เดือน ทำให้ขาดอายุความ แถมไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ เหตุอาสาไปส่งบ้าน ไม่ได้ออกนอกเส้นทาง
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1849/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นจำเลย ในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์ อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน18 ปีเพื่อการอนาจาร
โดยอัยการโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2561 เวลากลางวัน จำเลยได้พรากหญิงสาวรายหนึ่งอายุ 17 ปีเศษ ไปจากบิดา มารดา หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยหญิงนั้นเต็มใจ ด้วยการที่จำเลยใช้มือขวาจับมือซ้ายลักษณะกุมมือและใช้มือซ้ายจับที่ต้นขาของผู้เสียหาย โดยอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งการกระทำอนาจารดังกล่าวเป็นลักษณะเปิดเผยที่เกิดต่อหน้าธารกำนัล เหตุเกิดที่แขวง และเขตดินแดง กทม. แต่จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
วันนี้ นายปริญญ์ ได้เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ และเพื่อนสาวคนสนิท
ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีอายุ 17 ปี มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่
พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุ หญิงสาวผู้เสียหายอายุ 17 ปี สนใจโครงการฝึกอบรมอาชีพ จึงสมัครและเข้าไปฝึกงานกับบริษัทของจำเลย ซึ่งสถานที่ฝึกงานของจำเลย ได้จัดเตรียมโต๊ะให้ผู้เสียหายนั่งตรงหน้าห้องทำงานของจำเลย และมีการเรียกผู้เสียหายเข้าไปในห้องทำงานเพื่อพูดคุย
ทั้งนี้ ระหว่างนั้น มีการจับมือโอบไหล่หลายครั้ง แต่ผู้เสียหายคิดว่าเป็นการกระทำลักษณะผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก หลังจากนั้นในวันเกิดเหตุมีการจัดงานเลี้ยง หลังจากเสร็จงานเลี้ยงแล้ว จำเลยอาสาจะพาผู้เสียหายไปส่งที่คอนโดมีเนียม โดยนั่งรถตู้ส่วนตัว ที่มีการกั้นผ้าม่านทึบไว้ ระหว่างคนขับ กับที่นั่งผู้โดยสาร และรถตู้ติดฟิล์มสีดำ
ขณะนั่งไปในรถตู้จำเลยได้สนทนาเชิงสู้สาวกับผู้เสียหายเป็นภาษาอังกฤษ แล้วมีการถูกเนื้อต้องตัวผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายขัดขืนและขอลงที่สถานีรถไฟฟ้าระหว่างทาง ก่อนจะถึงคอนโดมีเนียม จากนั้น จำเลยกำชับไม่ให้ผู้เสียหายนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ผู้เสียหายจึงไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้อื่นทราบ แต่ก็ไม่ฝึกงานต่อ และขอลาออก
ต่อมาเมื่อเดือน พ.ค.2565 ผู้เสียหายทราบข่าวจากสื่อว่า จำเลยไปกระทำอนาจารกับหญิงสาวอื่นหลายราย จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง และเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้แม้เป็นคดีอนาจารกระทำต่อบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เมื่อไม่ได้ทำต่อหน้าธารกำนัล จึงเป็นการอนาจาร ซึ่งเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ และเมื่อผู้เสียหายมิได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 3 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุ จึงเป็นอันสิ้นอายุความ เหตุดำเนินคดีจึงระงับไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 39 (6)
ส่วนคดีพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดา เพื่อการอนาจาร ข้อเท็จรับฟังได้ว่าจำเลยอาสาจะไปส่งผู้เสียหายจากบริษัทของจำเลยไปยังคอนโดมีเนียมที่พักของผู้เสียหาย ซึ่งระหว่างที่เดินทางนั่งรถตู้ไม่มีการออกนอกเส้นทาง แต่เมื่อเกิดพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายระหว่างทางภายในรถตู้ส่วนตัว
โดยผู้เสียหาย กล่าวว่า จะขอลงระหว่างทาง เพื่อจะไปนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดมีเนียมที่พักด้วยตนเอง ซึ่งจำเลยยินยอมให้ผู้เสียหายลงจากรถตู้คันดังกล่าว จึงไม่เข้าลักษณะพรากผู้เยาว์ไปจากบิดา มารดา พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ นายปริญญ์ มีสีหน้าเรียบเฉย และรีบเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุกนายปริญญ์ 4 ปี ฐานล่วงละเมิดทางเพศ "แอนนา" อดีตภรรยา "ไฮโซลูกนัท" ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย และให้จ่ายค่าชดเชย 2 ล้านบาทด้วย รวมทั้งศาลอาญากรุงเทพใต้ ยังพิพากษาจำคุกนายปริญญ์ อีก 2 คดี คดีละ 2 ปี และ 2 ปี 8 เดือน ตามลำดับ และพิพากษายกฟ้อง 1 คดี นอกจากนี้ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้พิพากษายกฟ้องนายปริญญ์ 1 คดี