'ผบ.ทสส.' ลั่น เราคือทีมไทยแลนด์ 'โรม'ยกคณะเข้าพบ เข้าใจกองทัพมากขึ้น
"โรม" ตกผลึกเข้าใจทหารมากขึ้น พร้อมหยอดคำหวาน ผบ.ทสส. จากนี้ ไม่ต้องฝ่าอุปสรรคเพียงลำพัง กมธ. ความมั่นคงฯ พร้อมเดินเป็นเพื่อน ด้าน "พล.อ.ทรงวิทย์" ลั่น เป็นทีมไทยแลนด์ มีความเป็นอาชีพทั้งทหาร-นักการเมือง
16 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ15 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่นำโดย แถลงข่าวร่วมกับพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ภายหลังนำคณะเข้าหารือ ประมาณ 3 ชั่วโมง ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด
โดยนายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยหลายประเด็น และคงไม่บ่อยที่จะได้ยินคำนี้ออกจากปากตนคือ วันนี้ยอดเยี่ยมมาก ขอชื่นชม และต้องยอมรับว่ากองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยงานที่ทันสมัย วันนี้ได้รับทราบแนวคิดการพัฒนาหลายอย่าง ซึ่งกองทัพไทยปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งการรีวิวให้ทหารส่งความเดือดร้อนเข้ามา รวมถึงขอชื่นชม การเพิ่มจำนวนทหารหญิง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเท่าเทียม และนี่คือความก้าวหน้า
สำหรับประเด็นการแลกเปลี่ยนนายรังสิมันต์กล่าวว่า ได้ให้น้ำหนักกับสถานการณ์ในเมียนมา ในเรื่องของการเตรียมความพร้อม ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่เตรียมพร้อมและอัพเดทสถานการณ์แบบเรียลไทม์ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ที่มีความพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้คนไทยทุกคนปลอดภัย ซึ่งต้องชื่นชมจริงๆ
ส่วนกรณีสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถานการณ์ลุ่มน้ำโขง นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่า ฝ่ายความมั่นคงมีการเตรียมความพร้อม ต่างๆ ที่เห็นประโยชน์มาก ยอดเยี่ยมจริงๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการได้บอก กับผู้บัญชาการทหารสูงสุดว่า เราพร้อมที่จะสนับสนุน การทำงาน และความพยายาม ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และ หวังว่าโครงการ ที่พยายามทำ ไม่ควรหยุดแค่ตรงนี้ แต่น่าจะ ถูกใช้กับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสร้างความก้าวหน้า ให้กับกองทัพต่อไป
นายรังสิมันต์ ย้ำว่าวันนี้ได้เห็นทุกมิติ แต่สาระสำคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย คือการบูรณาการ การทำงานร่วมกับเหล่าอื่น ซึ่งต้องขอขอบคุณ เป็นการต้อนรับที่ดี วันนี้จึงอยากจะแชร์ แลกเปลี่ยนสิ่งที่ กองบัญชาการกองทัพไทยได้ทำ เช่นกันจัดที่นั่งระหว่างหารือสลับระหว่างกรรมการและ ผู้บริหารของกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งแนวคิดนี้ เห็นถึงความพยายามที่จะสื่อสาร กับกรรมาธิการ ที่เป็นตัวแทนของประชาชน ทำให้เราเข้าใจ และถือเป็นทิศทางที่ดีขอชื่นชมมากๆ
ด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า การหารือวันนี้ ต้องขอขอบคุณกรรมาธิการ ที่กรุณามาพบที่กองบัญชาการกองทัพไทย อยากจะพูดคำว่า มืออาชีพ ทั้งสองฝั่ง เชื่อว่าเป็นมืออาชีพ ที่ประชาชนคนไทยภาคภูมิใจ สิ่งที่ได้พูดคุยกันคือความเป็นมืออาชีพ ในการแลกเปลี่ยน ทักท้วง แนะนำ และนำเสนอซึ่งกันและกัน ที่สำคัญยิ่งกว่า คือความเชื่อมั่นต่อกันและกัน หลังจากนี้ มีพันธะที่ต้องพูดคุยกัน ว่าในอนาคตจะต้องทำงานร่วมกันอย่างไร ซึ่งจะมีวงรอบการนัดพูดคุย อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการอีกครั้ง ขณะที่ในวันนี้ได้เชิญนายทหารรุ่นใหม่ ที่มีอายุ 30-40 ปี มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนกับกรรมาธิการด้วย เพราะเชื่อว่า กองทัพไทย ไม่ใช่ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด แต่เป็นของทุกคน ทุกคนมีหน้าที่ รับรู้นโยบายด้าน นิติบัญญัติที่กำกับดูแล
จากนั้นนายรังสิมันต์ได้เสริมว่า เราเข้าใจกันมากขึ้น ทิศทางที่เป็นแบบนี้กรรมาธิการอยากให้เกิดขึ้น และจะสื่อสารไปยังเพื่อน ทุกพรรคการเมือง ให้ช่วยกันพูดคุยกับพรรคการเมือง ทำความพยายามของผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้เป็นจริง
ขณะเดียวกันทางกองบัญชาการทหาร กองทัพไทย ได้ส่ง พลเอกมนัส จันดี หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ โดยแลกเปลี่ยน ให้นางลลิตา หาญวงษ์ จากกรรมาธิการ เป็นที่ปรึกษา กองบัญชา การกองทัพไทย เกี่ยวกับเรื่องชายแดนไทยเมียนมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล โจมตีทหารหลายเรื่องจากการที่ได้มาสัมผัสกับทหาร เปลี่ยนใจหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มาวันนี้ เราต้องคิดมองเป็นภาพใหญ่ และยอมรับว่าที่ผ่านมา มีปัญหาที่ต้องแก้จริงๆ อย่างเช่นวันนี้ได้พูดคุยกับ ผู้บัญชาการทหารบก เช่นปัญหาเรื่องบ้านพักสวัสดิการ กรณีน้ำมันสวัสดิการหายไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราอยากทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชน เราอยากเห็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มองมายังกองทัพ ในการแก้ไขปัญหาและวันนี้เราเห็นความพยายามในการแก้ ซึ่งเป็นทิศทางที่ดี เช่นเดียวกับวันนี้ตนได้นำเสนอ กฎหมายป้องกันการอุ้มหายและซ้อมทรมาน
โดยกองบัญชาการกองทัพไทยได้นำเสนอ และเน้นย้ำว่าได้มีการฝึกอบรม ประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถ้าเราสามารถปฏิบัติได้ พระราชบัญญัติดังกล่าว เชื่อว่า จะทำให้ประชาชนมั่นใจ ในหลายเรื่อง ที่ได้แลกเปลี่ยนพยานมองไปข้างหน้า แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว และแก้ไขไม่ดี จะเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่น ต่อ ประชาชน และในวันนี้ได้ตกผลึกทิศทางที่จะดำเนินการร่วมกันต่อไป หลายโครงการย่อมมีอุปสรรค แต่คำถามคือจะผ่านอุปสรรคตรงนี้ไปอย่างไร จึงขอยืนยัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ว่าจะ ไม่ ฝ่าอุปสรรคนั้นไปคนเดียว แต่จะมีคณะกรรมการความมั่นคง เป็นเพื่อนที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
ส่วน พลเอกทรงวิทย์ กล่าวเสริมว่า รู้สึก ถึงคำว่าทีม Thailand ทุกคน มีหน้าที่ทำงานให้กับประชาชน ทั้งกองทัพราชการและนักการเมือง วันนี้เกิดบรรยากาศนั้น และประชาชนจะภูมิใจในสิ่งที่เลือกตั้งมา ที่ได้จ่ายเงิน เดือนให้มา เพื่อจะทำประโยชน์สูงสุดให้ ประชาชน