มะโรง ‘งูใหญ่’ ก้าวไกล - เพื่อไทย ‘ใครปีชง’

ปี 2567 ตรงกับปีนักษัตร คือ ปีมะโรง หรือ “งูใหญ่” บางคนบอกว่าเป็น ปีมังกรทอง แต่ขึ้นชื่อว่า “งู” ก็ต้องระวัง “พิษร้าย”

เมื่อส่องไทม์ไลน์การเมืองในปีมะโรง ก็จะพบว่าสมกับเป็นปี “งูใหญ่” เพราะมีแต่ “งานใหญ่” แถมแต่ละงาน เต็มไปด้วยพิษร้ายทั้งสิ้น 

วาระการเมืองต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยด และเดือดพล่านตั้งแต่เปิดศักราช หลังจากหยุดยาว 4 วัน 30-31 ธ.ค. และ 1-2 ม.ค. ก็เริ่มบรรเลงกันทันที 

3-4 ม.ค.67 ประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 

17 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย 

24 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีการถือครองหุ้นไอทีวีของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 

ปลาย ม.ค.ต่อต้น ก.พ. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจิฉัยคดีพรรคก้าวไกลกระทำการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ จากกรณีเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง

คดีนี้แม้ไม่จบที่การยุบพรรค เพราะคำร้องตามรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 49 ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญแค่สั่ง “หยุดการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองนั้น” แต่การรุกฆาตพรรคก้าวไกลจะยังไม่จบ เพราะมีการยื่นคำร้องยุบพรรคต่อ กกต.รอไว้แล้ว 

ก่อนสงกรานต์ (เม.ย.) คาดว่าคดียุบพรรคก้าวไกลจะเห็นหน้าเห็นหลัง 

ถ้ายุบ จะเกิดปรากฏการณ์ สส.ก้าวไกล “ผึ้งแตกรัง” หรือไม่ ถ้าเกิด “ผึ้งแตกรัง” จะแตกไปสู่พรรคใด ถ้าเป็นพรรครัฐบาล จะมากพอที่จะส่งผลสะเทือนถึงโควตารัฐมนตรีหรือไม่ 

ถ้ายุบ จะเกิดกระแสความไม่พอใจ จนมีการปลุกม็อบหรือไม่ โดยเฉพาะหากมีประเด็นไม่พอใจเรื่องอื่นอยู่แล้ว เช่น กรณีชั้น 14 จะทำให้ม็อบจุดติดหรือไม่

ม.ค.- เม.ย. เกมสภาจะดุเดือด ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติได้ 1 ครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ศึกซักฟอก) ได้อีก 1 ครั้ง และยื่นกระทู้ได้ทุกสัปดาห์ กระบวนการตรวจสอบรัฐบาลและนายกฯเศรษฐา จะเข้มข้นขึ้น 

พ.ค. - สว.ชุดปัจจุบัน อาจจะเรียกว่า “ชุด คสช.” หรือ “ร่างทรง คสช.” ก็ได้ จะหมดวาระจากนั้นจะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเพื่อเลือก สว.ชุดใหม่จากตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างๆ เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม จำนวน 200 คน 

การเลือก สว.ชุดใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นราวๆ เดือน มิ.ย.-ก.ค.67 จะเป็นดัชนีชี้วัดการเมืองไทยระดับหนึ่งว่า พรรคฝ่ายค้านที่นำโดยก้าวไกล กับพรรครัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทยพรรคไหนมีอิทธิพลต่อประชาชนมากกว่ากัน 

พ.ค.เป็นต้นไป - หลัง สว.ชุดปัจจุบันหมดวาระ หรือมี สว.ชุดใหม่แล้ว น่าจะมีการปรับครม.ครั้งใหญ่ เพื่อกระชับอำนาจฝ่ายการเมือง และอาจเปลี่ยนตัวนายกฯด้วย หากมีอุบัติเหตุด้านนโยบาย (Worst case scenario)

ตลอดปี 2567 - น่าจะมีการทำประชามติในประเด็นรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1 ครั้ง คาดว่าจะมีการรณรงค์กันครั้งใหญ่ และเผชิญหน้ากันเหมือนหาเสียง แย่งชิงเสียง ชิงฐานคะแนน โดยเฉพาะหากมีประเด็นที่พรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยคิดต่างกัน มีจุดยืนตรงข้าม 

ตลอดปี 2567 - อาจจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 

ผลของการเลือกตั้ง รวมถึงผลประชามติ จะเป็นดัชนีชี้วัดความนิยมทางการเมืองว่าฝ่ายใดมีภาษีดีกว่ากัน โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่างก้าวไกล กับเพื่อไทย 

 

สรุปสถานการณ์ที่อาจเป็น “ปีชง” ของก้าวไกล…

- เสี่ยงโดนยุบพรรค 

- หากพรรคโดนยุบ อาจแพแตก 

- ครั้งนี้จะแตกหนักกว่าตอนยุบอนาคตใหม่ เพราะพรรคใหญ่เตรียมการรุมทึ้งไว้แล้ว 

- ถ้าไม่รอดคดี 112 บาดแผลนี้จะติดตัวก้าวไกลไปตลอด ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นอะไร

- จะสูญเสียบุคลากรทางการเมืองแถว 2 ไปอีก ต้องดันแถว 3 ขึ้นมาแทน 

 

ส่วนสถานการณ์ที่อาจเป็น “ปีชง” ของเพื่อไทย…

- หากเศรษฐกิจไม่ฟื้น หรือดิ่งหนักลงไปอีก (ตามสถานการณ์โลกที่เศรษฐกิจถดถอย) พรรคเพื่อไทยก็จะเสี่ยงเสียคะแนนนิยม เสียความเชื่อมั่น

- หากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ติดปัญหาทางเทคนิค ไปต่อไม่ได้ หรือไม่ตรงปก ก็จะโดนโจมตีหนักอีกยกหนึ่ง 

- หากค่าแรงขึ้นไม่ได้ตามที่ตั้งใจ หรือตามที่ประกาศ ก็จะเริ่มกลายเป็นปัญหาของพรรคเพื่อไทย ทั้งถูกวิจารณ์ และมีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล (ขัดกับภูมิใจไทย โดยเฉพาะพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ขุนพลภูมิใจไทย) 

- กรณี ทักษิณ “นอนนาน…ชั้น 14” จะจุดติดเป็นกระแสต้านในวงกว้าง หรือมีม็อบต้านหรือไม่ เรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบกับภาพลักษณ์พรรคเพื่อไทยแน่นอน 

 

ขณะที่การพ้นโทษของทักษิณ หรือการได้ออกมาอยู่บ้านแบบ “พักโทษ” มีบทบาททางการเมืองได้ จะส่งผลทั้งแง่ลบและแง่บวกกับรัฐบาลเพื่อไทย รวมถึง นายกฯเศรษฐา ซึ่งยังคาดเดายากว่าลบหรือบวกจะมากกว่ากัน แต่แน่นอนว่า ศูนย์กลางอำนาจจะย้ายจากนายกฯเศรษฐา ไปที่ทักษิณแบบถาวร 

 

ปีชงของเพื่อไทย น่าจะส่งผลร้ายเบากว่าก้าวไกล เพราะก้าวไกลมีโอกาสถึงถูกยุบพรรค และถูกย่อยสลายพรรคหนักกว่าครั้งอนาคตใหม่ !