ปลัด มท.สั่งเข้มแก้ปมเสียงสถานบริการรบกวน ปชช. ขู่ ขรก.เกียร์ว่างมีโทษ
ปลัด มท. คุมเข้ม! สั่งการผู้ว่าฯทุกจังหวัด ลุยมาตรการป้องปรามปัญหาเสียงดังรบกวนจากสถานบริการเคร่งครัด ย้ำหาก ขรก.ในพื้นที่เพิกเฉย-งดเว้นปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ โดนโทษไม่มีละเว้น กำชับนายอำเภอทั่วประเทศ กวดขัดดูแลความผาสุกในสังคม
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2567 ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีการเปิดให้บริการของสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ซึ่งมักจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญจากเสียงดัง จนทำให้มีเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติในการประชุม เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบ แนวทาง กระบวนงาน ขั้นตอนในการระงับเหตุ หรือการแก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนของสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้เคยมีหนังสือแจ้งแนวทางการควบคุมและกำกับดูแลสถานบริการ กรณีขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ให้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการและถือเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบต่อประชาชนและสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายเวลาเปิดสถานบริการแล้ว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีเสียงดังจากการเปิดให้บริการของสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ตนจึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหากมีกรณีเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญทางเสียงกับประชาชนผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียง ให้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่เข้าตรวจสอบ ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว ทั้งนี้ หากเป็นการปล่อยปละละเลยของผู้ประกอบการฯ ให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการปรับปรุงแก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญทางเสียงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยในระหว่างปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวให้หยุดใช้เสียงที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญนั้นไว้ก่อน และหากครบกำหนดระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วยังไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง สามารถพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือสั่งปิดและห้ามไม่ให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการในสถานที่ดังกล่าวอีกเป็นเวลา 5 ปี
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีสถานประกอบกิจการอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่สถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการที่ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญทางเสียง ให้แจ้งเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจสอบ เฝ้าระวัง ควบคุม และกำกับดูแล ให้คำแนะนำแก่ผู้ดำเนินกิจการปรับปรุงแก้ไขตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากไม่ดำเนินการให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเคร่งครัด
“ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กำชับหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ ติดตามและดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จโดยเร็ว กรณีที่ปรากฏว่ามีการเพิกเฉยหรือละเลยไม่ดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ให้ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นพิจารณาดำเนินการทั้งทางอาญาและทางปกครองอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว และให้รายงานผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยทราบด้วย” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตนยังได้สั่งการไปยังนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ให้ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยกำชับนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงการขยายเวลาเปิดสถานบริการตามกฎกระทรวง กำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ห้ามปล่อยปะละเลยในการหมั่นตรวจสอบ ตรวจตราความเรียบร้อยของสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการให้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามพกพาอาวุธปืน ห้ามมีสารเสพติด และห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าใช้บริการ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่กวดขันไม่ให้มีการเมาแล้วขับ เพื่อป้องกันความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและสาธารณสมบัติในพื้นที่