'สุวัจน์' อ่านทิศทางการเมือง เศรษฐกิจท้าทายกว่าการเมือง
ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แนะ "รัฐบาล" เร่งสร้างรายได้-การลงทุน หนุนดิจิทัลวอลเล็ตแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มองการเมืองไร้กังวล เหตุมีเสถียรภาพ แต่อย่าประมาท
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ มอร์นิ่ง เนชั่น ช่อง22 ถึงการประเมินทิศทางทางการเมืองและบริบทการเมืองไทยในปัจจุบัน ว่า ตนมองว่าการเมืองไม่น่าหนักใจเพราะมีความท้าทายน้อยกว่าเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้เรื่องเศรษฐกิจมีประเด็นหนักใจ เพราะปีที่ผ่านมา รัฐบาลเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พักหนี้ ค่าไฟ น้ำมันแพง แต่ปีนี้ต้องเน้นลดรายจ่าย ทำงานเชิงรุกกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ ผ่านการท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุน ที่จะทำให้จีดีพีมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- หนุนดิจิทัลวอลเล็ต แต่ต้องทำตามกฎหมาย
“เราจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นส่วนหนึ่งคือเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน หมุนเวียนเงินในระบบ คาดการณ์ว่ามีเงิน 5 แสนล้านบาทให้ประชาชน จะมีผลให้จีดีพี โต 0.5% แต่การทำโครงการดังกล่าวมีประเด็นที่ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย รัฐบาลต้องดูให้รอบคอบก่อนเดินหน้า ผมเชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจแน่นอน แต่ต้องดูที่มาของเงิน หากมาจากการกู้ แม้เพดานกู้อยู่จะไม่เกิน คืออยู่ที่ 62% ของจีดีพี จากเพดาน70% แต่การกู้เท่ากับการสร้างภาระหนี้ แต่หากกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จะทำให้เรื่องหนี้ลดลง ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังเสถียรภาพทางการคลังด้วย” นายสุวัจน์ กล่าว
- เชื่อรัฐบาล "เศรษฐา" มีเสถียรภาพ โอกาสอยู่ครบเทอม
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเมือง ตนเชื่อว่าเสถียรภาพเข้มแข็ง แต่ต้องไม่ประมาท ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ ฟังความเห็นทักท้วงทำให้เกิดความรอบคอบ ทั้งนี้ตนมองว่ากรณีที่รัฐบาลอยู่ครบเทอมนั้นเกิดประโยชน์มาก ถือเป็นความต่อเนื่องในระบอบประชาธิปไตย ต่างชาติและนักลงทุนมั่นใจและเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ หากการเมืองมีเสถียรภาพ
- มองเปลี่ยน "นายกฯ" ต้องดูสถานการณ์ให้เหมาะ
นายสุวัจน์ กล่าวตอบคำถามถึงการเปลี่ยนตัวนายกฯ ว่า ผู้ที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ทั้ง 3 คน คือ นายเศรษฐา ทวีสิน , น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค และนายชัยเกษม นิติสิริ ถือว่าผ่านกระบวนการตรวจสอบ และประชาชนรับรองทางอ้อม โดยทั้ง 3 คนนั้นเหมาะสม อย่างนายเศรษฐา เป็นซีอีโอ ระดับชาติ น.ส.แพทองธาร เป็นสายเลือดนักการเมืองและเป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่นายชัยเกษมเป็นนักกฎหมายมากประสบการณ์ ถือว่าีความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มีความเหมาะสม ทั้ง 3 คน แต่การเปลี่ยนตัวต้องดูสถานการณ์การเมืองจะตัดสินใจอย่างไร โดยเป็นความรับผิดชอบของพรรคแกนนำรัฐบาลที่ต้องดูสถานการณ์ของประเทศ การเมืองและเศรษฐกิจ
“เรื่องนายกฯ ต้องดูที่ความเหมาะสม เหมือนทีมฟุตบอลต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่ต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทยที่รับผิดชอบ ทั้งนี้การปรับนายกฯ เหมือนกับเปลี่ยนรัฐมนตรี แต่มีขั้นตอนยุ่งยาก และถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะนายากฯ ออก ต้องไปทั้ง ครม. เปลี่ยนนายกฯ กระทบโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล นำพรรคการเมืองมาเติม หรือสลับออกเปลี่ยนนายกฯมีขั้นตอน และส่งผลนัยสำคัญทางการเมือง และรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ให้สว. ร่วมโหวต ถึงเดือน พ.ค. หากโหวตนายกฯ อีก สว.ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องตามกฎเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนด” นายสุวัจน์ กล่าว
- แนะใช้ทีมเวิร์คบริหารประเทศ ฟังความเห็นทุกฝ่าย
นายสุวัจน์ กล่าวย้ำด้วยว่าในวงการการเมืองต้องไม่ประมาท และต้องระวังทุกเรื่อง อย่าสวนกระแสประชาชนต้องรับฟังเสียงท้วงติง หรือความคิดเห็นทั้งจากประชาชน นักวิชาการ ฝ่ายค้าน สว. หากคิดว่ามีเสียงข้างมากจะโหวตอย่างไรก็ชนะ แสดงว่ากำลังประมาท ทั้งนี้การทำงานต้องฟัง หากไม่ฟัง คิดคนเดียว มั่นใจคนเดียวมากเกินไปจะพลาดได้ สำหรับการบริหารประเทศเหมือนกับการทำงานแบบทีมเวิร์ค ต้องฟังข้าราชการ นักวิชาการ ประชาชน ประมวลความเห็นเพื่อให้เกิดการยอมรับ ฟังทุกฝ่ายคือไม่ประมาท และจะตัดสินใจได้แบบวิน-วิน
- แย้มเตรียมขยับไซส์พรรค หวังให้ปชช.มั่นใจผลักดันนโยบาย
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคชาติพัฒนากล้า ต่อบริบทการเมืองไทยในอนาคต นายสุวัจน์ กล่าวว่า เป็นพรรคเดินสายกลาง ประนีประนอม อยู่ในจุดนั้นเดินสายกลางประสบการณ์ เรื่องเศรษฐกิจ จุดยืนอยู่กับประเทศและประชาชน การตัดสินใจทางการเมืองในอนาคตแนวโน้มรัฐบาลอยู่ยาว 3-4 ปี ดังนั้นต้องประเมินสถานการณ์ควบคู่ไปว่าสถานการณ์การเมืองจะเคลื่อนไหวอย่างไร โดยพรรคชาติพัฒนากล้าทำได้ง่าย เนื่องจากมีฐานการเมืองน้อย ดังนั้นตนไม่หนักใจ ทำอย่างไรก็กำไร ขาดทุนยาก
เมื่อถามถึงการสร้างจุดขายและจุดเด่นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคที่ไม่เคยสร้างปัญหาให้ประเทศ แต่ในทางการเมืองแม้พรรคเล็กมีนโยบายดี ประชาชนชอบ แต่ประชาชนขาดความมั่นใจในเชิงการผลักดันนโยบายของพรรคเล็ก รู้สึกว่าการเมืองของตัวเลข ความมั่นใจต้องคิดเที่ยวหน้าคิดเรื่องที่ชดเชยให้ประชาชนมั่นใจในการขับเคลื่อนนโยบาย
- ชี้ "ฝ่ายค้าน-รัฐบาล" ร่วมมือกันดี เสริมการเมืองเข้มแข็ง
เมื่อถามถึงบรรยากาศการเมืองในสภาฯ นายสุวัจน์ กล่าวว่าดูจากการอภิปรายงบประมาณ บรรยากาศดี ฝ่ายค้านนำเสนอให้ข้อมูลชี้ถึงจุดอ่อน จุดแข็ง ขณะที่รัฐบาลเปิดรับฟังความเห็น ถือเป็นบรรยากาศที่รัฐบาลฟังฝ่ายค้าน ขณะที่ฝ่ายค้านให้ข้อแนะนำนอกจากติติง เป็นการทำงานร่วมมือ แข่งขันสร้างสรรค์ ประชาชนได้ประโยชน์ ถือเป็นการเมืองสร้างสรรค์ ที่มีการตรวจสอบ พิสูจน์ฝ่ายค้านมืออาชีพ รัฐบาลใจกว้าง จะเป็นจุดแข็งของการเมืองไทย และความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ และแก้ปัญหาการเมืองได้
- มองสว.อภิปรายทั่วไป เป็นเกมผู้ใหญ่ รัฐบาลอย่างกังวล
เมื่อถามถึงกรณีที่ สว.เตรียมขอเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ นายสุวัจน์ กล่าวว่าา รัฐบาลต้องเตรียมตัว แม้จะเป็นการอภิปรายไม่ลงมติ ซึ่งสว.มีสิทธิถามทุกเรื่องรัฐบาลต้องตอบ แม้ไม่ใช่เรื่องเป็นเรื่องตาย
“ถือเป็นเกมของผู้ใหญ่ ผู้มากประสบการณ์ รัฐบาลต้องไม่ตั้งมั่นไม่ประมาท ต้องเตรียมพร้อมทุกเรื่อง ชี้แจงมองให้ออกว่าประเด็นอะไรที่จะถามและสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ ชี้แจงดี จะทำให้ได้แต้ม ถือเป็นโอกาส หากตอบแบบสร้างสรรค์ ตอบดีได้คะแนน รัฐบาลไม่ต้องกังวลเพราะเป็นเกมผู้ใหญ่ สว.มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลปลอดภัยได้ ไม่ต้องกังวล” นายสุวัจน์ กล่าว