‘เศรษฐา’ ร่วมพิธี สืบสานวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ ‘ลาหู่’ ยัน รัฐบาล รักพวกท่าน
“นายกฯ” เป็นประธานพิธีสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนโครงการสืบสานด้านศิลปวัฒนธรรม ในทุกชาติพันธุ์ของประเทศไทย
ที่อาคารสายธารธรรม มหาวิทยาลัยพายัพ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ซึ่งการส่งเสริมการอนุรักษ์งานประเพณีศิลปวัฒนธรรมถือเป็นอีกหนึ่งใน Soft power สำคัญตามนโยบายรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญสรุป ดังนี้
นายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานและประวัติความเป็นมาของประเพณีปีใหม่ลาหู่ จากนายปรีชา ดวงแสง ประธานกรรมการจัดงานสืบสานอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 1 และศาสตราจารย์ ดร.จะหา ประธานกรรมการลาหู่นานาชาติ
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายพี่น้องชาวลาหู่ โดยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในงานสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีลาหู่นานาชาติครั้งที่ 1 ปี 2567 ในวันนี้ พร้อมชื่นชมในความรัก ความสามัคคี ของพี่น้องชาติพันธุ์ลาหู่ ที่เล็งเห็นความสำคัญในการสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณี และเชื่อมสัมพันธภาพอันดีงามของพี่น้องชาติพันธุ์ลาหู่ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
นายกรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุนโครงการสืบสานด้านศิลปวัฒนธรรมในทุกชาติพันธุ์ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตกหรือภาคใต้ โดยเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนของนายกฯ จะสามารถทำให้ชาติพันธุ์ต่างๆ รักและหวงแหน และร่วมกันสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีของตนสืบต่อไป
นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลนี้มีความเป็นห่วงเป็นใย และให้โอกาสกับทุกคนเสมอ ซึ่งคำว่าโอกาสถือว่าเป็นอนาคตของทุกคนที่อยู่ที่นี่ รัฐบาลนี้จะให้ความเป็นธรรมกับการพิสูจน์ทราบได้ว่า ถ้าพวกท่านเกิดที่นี่ ลูกหลานเกิดที่นี่จะได้รับการเข้าสู่กระบวนการในการขอสัญชาติได้ โดยทุกคนจะเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การสาธารณสุข สิทธิต่างๆ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะให้โอกาสกับพวกท่านทุกคน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับมอบของที่ระลึกเป็นกระเป๋าย่ามและเสื้อของชาติพันธ์ุลาหู่ พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมพิธีดำหัวผู้ใหญ่ตามประเพณีชาติพันธุ์ลาหู่ ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวลาหู่ให้ความเคารพ ขอขมาและขอพรจากผู้ใหญ่ พร้อมร่วมเต้นเฉลิมฉลองปีใหม่ลาหู่ (ก่าเคะวะ) และนายกรัฐมนตรียังได้เดินชมนิทรรศการวิธีชีวิตของชนเผ่าลาหู่ สาธิตการตำข้าวปุกด้วย
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังคงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเช้านี้สวมชุดลาหู่แดง มาร่วมงานสืบสาน อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีลาหุ่นานาชาติครั้งที่ 1 ปี 2567 หรือ งานปีใหม่ชาวลาหู่ ที่มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพี่น้องประชาชนชาติพันธุ์ลาหู่มาร่วมงานกว่า 5000 คน โดยทันทีที่นายเศรษฐา เดินทางมาถึงได้ทักทายพี่น้องน้องชาวลาหู่ และได้ชมการแสดงจากชาวลาหู่ เพื่อเป็นการต้อนรับนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า สวัสดีพี่น้องชาวลาหู่ทุกท่าน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในงานสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีถาพู่นานาชาติครั้งที่ 1 ปี 2567 ในวันนี้ ตนขอชื่นชมในความรัก ความสามัคดี ของพี่น้องชาติพันธ์ลาหู่ที่เล็งเห็นความสำคัญและใช้การสืบสานอนุรักษ์ติลปวัฒนธรรมประเพณี เชื่อมสัมพันธภาพอันดีงาม ของพี่น้องชาติพันธ์ลาหู่ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ซึ่งตนได้รู้ว่า เป็นครั้งแรกที่มีการรวมตัวกันของชาติพันธุ์ลาหู่จากหลายประเทศจัดงานสืบสานวัฒนธรรมลาหู่นานาชาติขึ้นมา ดังนั้น ตนจึงได้ให้การสนับสนุนงบประมาณ สำหรับโครงการสืบสานด้านศิลปวัฒนธรรมในทุกชาติพันธุ์ ของประเทศไทยเรา ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตกหรือภาคใต้ โดยเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ หวังว่าการสนับสนุนของตน จะสามารถทำให้ ชนเผ่าทุกๆชนเผ่า รักและหวนแหน ศิลปวัฒนธรรมประเพณี ของตนต่อไป
"ผมว่าอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยู่ในร่วมใจของพวกท่านทุกท่าน รวมทั้งเป็นเรื่องที่ตัวผมเองและรัฐบาลนี้ให้ความเป็นห่วงเป็นใยและให้โอกาสเสมอ คำว่าโอกาสถือว่าเป็นอนาคตของพวกเราทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รัฐบาลนี้จะให้ความเป็นธรรม ถ้าพิสูจน์ได้ว่าท่านเกิดที่นี่ ลูกหลานท่านเกิดที่นี่ ท่านสามารถเข้ากระบวนการในการขอสัญชาติได้ โดยที่ท่านจะสามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เรื่องการสาธารณสุขและสิทธิต่างๆ ซึ่งผมยืนยันครับว่ารัฐบาลนี้จะให้โอกาสนี้กับพวกท่านทุกท่าน อันนี้ถือเป็นโอกาสดีแล้ว"
โดยทันทีที่นายกฯพูดจบ พี่น้องชาวลาหู่ ที่มาร่วมงานได้โหร้องด้วยความดีใจ
จากนั้นนายกฯได้ตีกลองถือเป็นการเปิดงานวัฒนธรรมประเพณีลาหุ่นานาชาติครั้งที่ 1 และได้ร่วมพิธีล้างมือ ซึ่งเป็นการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของชาวลาหู่ เพื่อขอพรจากผู้ใหญ่ และได้รับมอบของที่ระลึกจากชาวลาหู่
ก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรี ได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่กับพี่น้องชาติพันธุ์ละหู่ พร้อมเดินทักทายพี่น้องชาวลาหู่และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกรอบงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นและแบ่งกันเอง