เปิดอาณาจักร ‘เสี่ยโต’ 2,500 ไร่ ดันโปรเจกต์ยักษ์ สานฝัน‘บิ๊กป้อม’

Key Points :

• ทบ. ปิดสนามม้าโคราช  รองบประมาณรื้อทิ้งปรับเป็นสวนสาธารณะ 
• ผู้ประกอบม้าแข่งแบกภาระไม่ไหว ทยอยขายม้าให้ต่างประเทศ  ปัจจุบันม้าแข่งไทยเหลือ 100 กว่าตัว จาก 1,000 กว่าตัว
• "บิ๊กป้อม" ผู้ชื่นชอบกีฬาแข่งม้าตัวยง อยากอนุรักษ์กีฬาชนิดนี้ไม่ให้สูญหายไปจากประเทศไทย

ภายหลัง “กองทัพบก” สั่งปิด “สนามม้าโคราช” ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทัพภาคที่ 2 นับตั้งแต่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่เปิดให้ใช้งาน เนื่องจากกังวลจะขัดต่อนโยบายเรื่องหน่วยทหารปลอดการพนัน ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ยุค “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัตน์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.

พร้อมทั้งมีแผนปรับปรุงสถานที่ รื้อสนามม้าโคราชทิ้ง สร้างเป็นสวนสาธารณะ เปิดให้ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการ เช่น ออกกำลังกาย พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่นเดียวกับ “สนามม้านางเลิ้ง” ขณะนี้อยู่ระหว่างการรองบประมาณ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้ม้าซ้อมวิ่งได้เพียงอย่างเดียว แต่งดการแข่งขัน

ส่งผลให้ผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงม้าแข่งทั้งใน กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ขอนแก่น ทยอยขายม้าให้กับผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงม้าแข่งต่างประเทศ เนื่องจากแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้วเกิดโรคระบาด ทำให้ม้าแข่งล้มตายหลายร้อยตัว ปัจจุบันม้าแข่งไทยเหลืออยู่ประมาณ 100 กว่าตัว จาก 1,000 กว่าตัว

โดยล่าสุด คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มี “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่งเป็นประธาน ได้อนุมัติหลักการสร้าง “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ครบวงจร หรือ “ศูนย์กีฬาโอลิมปิก” รองรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิก และการจัดแข่งขันกีฬารายการอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ

เพราะที่ผ่านมาการจัดแข่งขันกีฬาที่ไทยเป็นเจ้าภาพรายการต่างๆ “นักกีฬา” ต้องเดินทางไปแข่งขันในหลายจังหวัดที่มีสนามกีฬารองรับ ทำให้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการแข็งขันของนักกีฬา เพราะต้องเดินทางไกลเกิดความเมื่อยล้าโดยเฉพาะนักกีฬาต่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน “บิ๊กป้อม” ในฐานะผู้ชื่นชอบกีฬาแข่งม้าตัวยง อยากอนุรักษ์กีฬาชนิดนี้ไม่ให้สูญหายไปจากประเทศไทย เพราะปัจจุบันมีสมาคมกีฬาม้าแข่งไทย ที่มี “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นั่งเป็นนายกสมาคมฯ

โดย “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” หรือ“ศูนย์กีฬาโอลิมปิก”สร้างในพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ หลักกิโลเมตร 39 ห่างจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เพียง 15 นาที ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นของ “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ คาดว่าใช้งบประมาณก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้าน

โดย สปอร์ต คอมเพล็กซ์ หรือ ศูนย์กีฬาโอลิมปิก จะยกระดับให้ได้มาตราฐานสากล เทียบเคียงกับต่างประเทศ ซึ่งภายในจะประกอบด้วย สนามแข่งกีฬาทุกชนิด ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีในการก่อสร้าง แต่สำหรับ “สนามแข่งม้า” คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีเสร็จ นอกจากนี้ยังมี ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า แบบครบวงจร

ทั้งนี้ ในการประชุม คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาม้าไทย ที่มูลนิธิคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ห้วงที่ผ่านมา “บิ๊กน้อย” ได้แจ้งผลความคืบหน้าโครงการดังกล่าว หลังการกีฬาแห่งประเทศไทย (ททท.) อนุมัติให้“สมาคมกีฬาม้าไทย” ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” เป็นที่เรียบร้อย เพื่อพัฒนา และผลักดันกีฬาม้าแข่ง (ปลอดพนัน)ของไทยก้าวสู่ระดับนานาชาติในอนาคต

“ทิศทางในตอนนี้ของเราเริ่มจะเห็นแสงไฟ ปลายอุโมงค์บ้างแล้ว เนื่องจากมีกลุ่มทุนจากต่างประเทศที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับไทย ซึ่งเรามีภาคเอกชนของไทยที่มีพื้นที่ที่จะรองรับการสร้างสนามแข่งม้า ขาดเพียงเงินทุนเท่านั้น ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า กลุ่มทุนที่จะเข้ามาร่วมโปรเจกต์ใหญ่กับสมาคม มีความชัดเจนและเอาจริงเอาจังแค่ไหน”

“ทั้งนี้ ไม่เฉพาะสนามแข่งม้าเท่านั้น ยังมองถึงการสร้างเป็นสปอร์ตคอมเพล็กซ์ครบวงจร หรือที่เรียกว่าศูนย์กีฬาโอลิมปิก รองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดกีฬาใหญ่ในระดับนานาชาติของไทยในอนาคต” พล.อ.วิชญ์ กล่าว

สำหรับ “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล เป็นเจ้าของธุรกิจ บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JCK (เดิม บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม หรือ TFD) ประกอบธุรกิจโรงงานสำเร็จรูป หรือแวร์เฮาส์ ในนิคมอุตสาหกรรม และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ JCKH (เดิม บมจ.ฮอท พอท หรือ HOTPOT) ประกอบธุรกิจอาหารเป็นหลักในตราสินค้า ฮอทพอท ไดโดมอน ร้านอาหารจีน Zheng Dou ร้านอาหารอิตาเลียน Signor Sassi เป็นต้น

สำหรับเส้นทางการเมือง ก่อนจะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยโต” เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็น สส.บัญชีรายชื่อ

สำหรับ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ หรือ ศูนย์กีฬาโอลิมปิก เป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนของไทยและนักลงทุนต่างประเทศ โดยมีสมาคมกีฬาม้าแข่งไทย เป็นตัวกลางประสานงาน หากเกิดเป็นรูปธรรม จะยกระดับการจัดการแข่งขันกีฬาของไทยก้าวสู่ระดับโลกในอนาคต