ปลุกต้าน'ทักษิณ' สิ้นกระแส ? การเมืองกั๊ก ปิดประตูรัฐประหาร
"เมื่อประเด็นการชุมนุมพอมี ทรัพยากรพอมี ทว่าสังคมยังไม่อยากออกมากดดัน แต่จะให้คำตอบผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า คิดอย่างไรกับเรื่องของคุณทักษิณ"
Key Points :
- ปม ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมารับโทษ แต่ไม่ย่างก้าวเฉียดเข้าเรือนจำแม้แต่วินาทีเดียว ทำให้วงการยุติธรรมไทยสั่นคลอน ทว่าแรงต่อต้านกลับมีไม่มากนัก
- เหตุผลหนึ่งเพราะ ทักษิณ เปลี่ยนขั้วไปอยู่ฝั่งเดียวกับ อนุรักษ์นิยม จนกลุ่มที่เคยต่อต้านอยู่ในสภาวะจำยอม เนื่องจากพรรคก้าวไกล ถูกมองเป็นภัยคุกคามมากกว่า
- เหตุผลสอง พรรคก้าวไกล ไม่นำเงื่อนปมไปปลุกกระแส เพราะจำเป็นต้องเหลือมิตรทางการเมืองเอาไว้
การกลับบ้านของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ โดยไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว ถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานความยุติธรรมในประเทศไทย เพราะไม่เคยมีนักโทษคนไหนได้รับอภิสิทธิชนเท่านี้มาก่อน
แม้จะมีความพยายามจุดประเด็น“สองมาตรฐาน” เพื่อสะท้อนความอยุติธรรม แต่เหมือนไฟไหม้ฟางที่จุดติดเพียงชั่ววูบ ก่อนจะดับหายไป ปม “ทักษิณ”จึงไม่ใช่เงื่อนไขในการชุมนุมทางการเมืองในยุคนี้
ทั้งที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.ประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ตรวจชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่รักษาตัวของ “ทักษิณ” รวมถึงกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จัดชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาล 2 วันติด
ประเด็นชุมนุมมี-ทรัพยากรพร้อม-ขาดกระแส
รายการ “คมชัดลึก” เนชั่นทีวี 22 สัมภาษณ์ “พรชัย เทพปัญญา” นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ “วันวิชิต บุญโปร่ง” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อวิเคราะห์กระแสต้าน “ทักษิณ” สิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไม่
“พรชัย” มองว่า คปท. ประเด็นการชุมนุม แกนนำมีบารมีมากพอหรือไม่ กระสุนมีมากพอหรือไม่ แกนนำคปท.ชื่อชั้นยังไม่ถึง ทำให้ปริมาณคนมาร่วมชุมนุมมีไม่มาก แต่ปริมาณของผู้ชุมนุมไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาล ม็อบพันธมิตร ม็อบกปปส. ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ จึงจบด้วยรัฐประหาร
“ปัญหาของม็อบ คปท. เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคุณทักษิณ อาจจะยังไม่มีพลังมากพอ แต่มีแรงกระแทกของการชุมนุม เพื่อสื่อสารถึงคุณทักษิณ และกระแทกไปยังนายเศรษฐา ฉะนั้นปริมาณไม่ใช่ตัวกำหนด สำหรับทรัพยากรในการบริหารจัดการม็อบ คปท. มองว่าพอมีบ้าง อาจจะมีผู้สนับสนุน แต่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร”
“พรชัย” วิเคราะห์ต่อว่า เมื่อประเด็นการชุมนุมพอมี ทรัพยากรพอมี ทว่าสังคมยังไม่อยากออกมากดดัน แต่จะให้คำตอบผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า คิดอย่างไรกับเรื่องของคุณทักษิณ ภาพของคุณทักษิณตอนนี้เหมือนคนล้มละลายทางการเมือง ขาดความน่าเชื่อถือ แล้วมันจะส่งผลต่อ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทย ในการทำการเมืองในอนาคต
“ใครๆ ก็รู้ว่า ความเป็นจริงแล้วคุณทักษิณป่วย หรือไม่ป่วย เราลองทำโพลสิ จริงๆแล้วความกล้าหาญที่จะติดคุกของคุณทักษิณ ต้องมีมากกว่านี้ คนที่ติดคุกแล้วเป็นรัฐบุรุษเยอะแยะ เรื่องติดคุกมันเรื่องเล็ก แล้วจะทำให้ตัวเองมีมูลค่า”
ชี้รัฐประหารจากการชุมนุมเกิดยาก
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของ คปท. ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ กปปส. จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลคือการรัฐประหาร การชุมนุมไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ม็อบจะมีจำนวนมากเท่าไหร่ รัฐบาลเศรษฐาก็จะไม่สะเทือน ประเด็นทักษิณถือเป็นประเด็นส่วนตัว ไม่ใช่ประเด็นส่วนรวม
“มีคนถามว่ารัฐบาลเศรษฐาจะโดนรัฐประหารหรือไม่ ผมบอกว่าไม่มี เพราะอนุรักษนิยมกับคุณทักษิณเขาจับมือกันแล้ว ตอนโดนรัฐประหาร 2 ครั้ง อยู่กันคนละฝ่าย เมื่อจับมือกันแล้วการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้น ยกเว้นเกิดปัญหาระหว่างกลุ่มอนุรักษนิยมกับคุณทักษิณ”
ขณะเดียวกัน ประเด็น กมธ.ตำรวจเดินทางไปตรวจชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของ ส่วนตัวมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องการฟอกขาวให้คุณทักษิณ เพราะต้องการร่วมรัฐบาล ท่าทีไม่ใช่ขึงขัง แต่อ่อนแอมากกว่า การไม่มีทีท่าจะไปเปิดประตูดูเลย มันมีทีท่าเล่นบทบาทไปอีกทาง เพราะอย่างน้อย"ชัยชนะ" ต้องขออนุญาตเข้าไปในห้องทักษิณ
“พรชัย” ยังวิเคราะห์ต่อว่า หลังจากทักษิณพ้นโทษ ก็ยังไม่สามารถวางมือทางการเมืองได้ เศรษฐาเป็นนายกฯได้เพราะทักษิณ และแพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ เพราะทักษิณ ทั้งหมดเกิดจากการวางเกมของทักษิณเอง
“เมื่อคุณทักษิณไม่วางมือทางการเมือง วิกฤติมันจะเกิดก็ต่อเมื่ออนุรักษนิยมกับคุณทักษิณมีข้อขัดแย้งกัน จนทำให้พรรคเพื่อไทยหันไปจับมือกับพรรคก้าวไกล ตรงนั้นจะทำให้เกิดวิกฤติทางการเมืองอีกครั้ง ผมไม่เชื่อว่าอนุรักษนิยมให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตลอดไป เพราะเขาไม่ไว้ใจหรอก” พรชัย ระบุ
"วันวิชิต"มอง"ก้าวไกล"ภัยคุกคามใหม่
ขณะที่ “วันวิชิต” มองว่า ฝ่ายอนุรักษหันไปจับตามองพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นภัยคุกคามทางการเมืองมากกว่า การกลับมาของทักษิณ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมเปิดโอกาสให้ทำได้ หากย้อนไป 10 ปีก่อนม็อบจะจุดติด เพราะยังไม่มีพรรคก้าวไกล
“เรื่องความรู้สึกของคน สังคมรับรู้ แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมต้องใช้ประโยชน์จากคุณทักษิณ ฝ่ายเดียวกันอย่างพรรคก้าวไกล ก็ไม่ออกตัว เพราะเขาไม่เอาตัวเองไปเคลื่อนไหวเล่นเกมแบบนี้” วันวิชิต กล่าว
สำหรับกรณีที่ กมธ.ตำรวจ บุกไปโรงพยาบาลตำรวจ เขามองว่าอาจจะเป็นเกมการเมืองนอกสภา เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการปิดความเชื่อของประชาชน กู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง และยืนยันไม่เข้าร่วมรัฐบาล
“ต้องจับตาภายหลังวันที่ 22 ก.พ. 2567 จะได้รับการพักโทษหรือไม่ หากพักโทษจะมีภาพของคุณทักษิณออกมา โดยจะจุดความรู้สึกของคนไม่ชอบคุณทักษิณ และโดยธรรมชาติคุณทักษิณไม่สามารถอยู่ในที่ตั้งเงียบๆ ได้ หากออกมาแล้ว ไปขอบคุณแฟนคลับคนเสื้อแดง คนที่จับตาดูด้วยความสงสัย ก็จะบอกว่านั่นไง...ว่าแล้ว”
“วันวิชิต” วิเคราะห์ต่อว่า ขณะนี้ประตูรัฐประหารถูกปิดตาย อาจจะจนกว่าจะมีการเลือกตั้งรอบหน้า เนื่องจากชนชั้นนำและชนชั้นกลาง ชั่งตวงแล้วว่า การเกี่ยวก้อยกันของอนุรักษนิยมกับทักษิณมีความคุ้มค่า อาจจะมีบางเรื่องให้หลิ่วตาบ้าง แต่เมื่อประเมินแล้ว เขาชั่งตวงแล้วว่าเขาคุ้ม ภาพของความใกล้ชิดกันของชนชั้นนำ แทบจะประสานใกล้ชิดกัน
“ส่วนชนชั้นกลางที่เคยเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลคุณทักษิณ รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีจำนวนมหาศาลเริ่มคลายตัว และยอมรับกับผลลัพธ์แบบนี้ แต่หลังจากนี้ คุณทักษิณต้องลดบทบาทของตัวเอง คอยให้คำปรึกษาแบบห่างๆ ต้องจับตามองว่า คุณทักษิณจะใช้วิธีอย่างไร เพื่อต่อรองให้คุณยิ่งลักษณ์กลับบ้าน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ เพราะอนุรักษ์นิยมก็ต้องใช้เป็นเกมต่อรอง” วันวิชิต ทิ้งท้าย