เปิดบ้าน-พลิกธุรกิจ ‘ศุภวัฒน์’ คีย์แมนสำคัญ ปมนอมินีหุ้น ‘ศักดิ์สยาม’
พลิกข้อมูล ‘เอ ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์’ ตัวละครสำคัญคดีนอมินีหุ้น ‘ศักดิ์สยาม’ ก่อนศาล รธน.มติ 7:1 ฟันพ้นเก้าอี้ รมต. พบทำธุรกิจ 5 แห่ง ร้าง 3 บ้านอยู่ บางบัวทอง จ.นนท์ฯ ชาวบ้านให้ข้อมูลตรงกันสนิท ‘เสี่ยโอ๋’
KeyPoints
- พลิกข้อมูล “เอ ศุภวัฒน์” คีย์แมนสำคัญ “นอมินี” ของ “ศักดิ์สยาม” ใน หจก.บุรีเจริญฯ
- เคยบริจาคให้ ภท.ส่วนตัว 1 ครั้ง 2.7 ล้านบาท บริจาคในนาม หจก. 2 ครั้ง 10.7 ล้านบาท
- นั่งกรรมการ 5 บริษัท ยังคงเป็นหุ้นส่วน หจก.บุรีเจริญฯอยู่ ปี 65 ไร้รายได้ เคยกวาดงานรัฐ 7 ปี 3 พันล้านบาทเศษ
- เปิดบ้านเจ้าตัว หลังใหญ่ อยู่ติดคลองบางบัวทอง ชาวบ้านบอกสนิทกับ “เสี่ยโอ๋”
พรรคการเมืองดังย่านอีสานใต้ ต้องระส่ำระส่ายอีกครั้ง
พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยด้วยมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 เสียง ให้ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พ้นจากความเป็น รมว.คมนาคม ในประเด็นให้ “นอมินี” ถือครองหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น หลังจากเรื่องนี้ลากยาวมาตั้งแต่ศึกซักฟอกส่งท้ายรัฐบาลเก่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 หรือผ่านมาราว 1 ปีแล้ว
ประเด็นที่น่าสนใจที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยดังกล่าว หนีไม่พ้น “ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์” ผู้ซื้อหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ ต่อจาก “ศักดิ์สยาม” ที่เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินต่าง ๆ บ่งชี้ว่า “ศุภวัฒน์” ไม่มีความสามารถในการซื้อจริง
โดยสาระสำคัญในคำวินิจฉัยคัดเนื้อ ๆ มาคือ มีพยานหลักฐานจากสถาบันการเงินชี้ให้เห็นว่า คำกล่าวอ้างของ “ศุภวัฒน์” ที่ระบุว่า เงินที่นำไปซื้อหุ้น มาจากการขายกองทุนนั้น ข้อเท็จจริงพบว่า “ศักดิ์สยาม” โอนเงินให้กับ 2 นิติบุคคลคือ บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ จำกัด และ หจก.บุรีเจริญฯ ก่อนที่ 2 นิติบุคคลดังกล่าวจะโอนให้กับ “ศุภวัฒน์” หลังจากนั้นเขาได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อกองทุน ก่อนจะขายกองทุนเพื่อนำเงินมาชำระค่าหุ้นให้ “ศักดิ์สยาม” นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงว่า “ศุภวัฒน์” เคยเบิกบิลค่าน้ำมันรถของ “ศักดิ์สยาม” โดยระบุไว้ว่า “ติดตามนาย” อีกด้วย
“ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ได้จากพฤติการณ์แวดล้อม เป็นพิรุธ น่าสงสัยหลายประการ ประกอบกันมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า เงินที่นายศุภวัฒน์ นำมาชำระค่าเงินลงหุ้นแก่นายศักดิ์สยาม เป็นเงินของนายศักดิ์สยามเอง” ความตอนหนึ่งจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ
แต่นี่เป็นเพียงแค่ “คดีแรก” ของ “ศักดิ์สยาม” เท่านั้น หากแกะรอยตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าอาจมีอีกหลายข้อกล่าวหาด้วยกัน ที่อาจนำไปถูกร้องเรียนต่อในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ เข้าข่ายยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และกรณีร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวละครสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ “ฉาว” ขึ้นมา กระทั่งนำไปสู่การขุดคุ้ยของสื่อ ก่อนจะถึงมือ “ฝ่ายค้าน” นำไปซักฟอกช่วงท้ายรัฐบาลที่แล้ว คือ “ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์” หรือ “เอ” นั่นเอง
กรุงเทพธุรกิจ พลิกปูมเส้นทางชีวิต-ธุรกิจ “ศุภวัฒน์” มาให้ทราบอีกครั้ง ดังนี้
ข้อมูลของนายศุภวัฒน์นั้น จากการสืบค้นพบว่า เคยเป็นผู้บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือน ม.ค. 2562 โดยบริจาคเป็นทรัพย์สิน/ประโยชน์อื่นใด มูลค่า 2,770,000 บาท
ส่วน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือน ก.พ. 2562 (ภายหลังนายศุภวัฒน์ ซื้อหุ้นต่อจากนายศักดิ์สยามแล้ว) เป็นจำนวนเงิน 4.8 ล้านบาท
ล่าสุด หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือน พ.ค. 2565 อีกกว่า 5.9 ล้านบาท
โดยข้อมูลเหล่านี้ ถูกระบุไว้ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ในมุมธุรกิจพบว่า ศุภวัฒน์ เป็นหุ้นส่วน/กรรมการบริษัทอย่างน้อย 5 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) โดยยังดำเนินกิจการอยู่ 2 แห่ง ได้แก่
1.หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 8 มี.ค. 2539 ทุนปัจจุบัน 159,501,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 30/17 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด รับเหมาก่อสร้าง ปรากฏชื่อหุ้นส่วน คือ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ นางสาวปริชาติ ขันเสน ลงหุ้นด้วยเงินสด นายเอกราช ชิดชอบ นางสาววรางสิริ ระกิติ ปี 2565 ยังมิได้ส่งงบการเงิน ส่วนเมื่อปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 302,198,338 บาท หนี้สินรวม 31,385,011 บาท มีรายได้รวม 629,478,943 บาท รายจ่ายรวม 603,360,368 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 23,063 บาท เสียภาษีเงินได้ 5,242,093 บาท กำไรสุทธิ 20,853,418 บาท
ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เคยเป็นคู่สัญญารัฐระหว่างปีงบประมาณ 2558-2564 อย่างน้อย 230 โครงการ รวม 3,014.5 ล้านบาท
2.บริษัท สวนกุหลาบ เซอรารี่ซีล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2540 ทุนปัจจุบัน 15 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่เดียวกับ หจก.บุรีเจริญฯ คือเลขที่ 30/17 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด บริการตลาดกลางอิเล็คทรอนิคส์ ปรากฏชื่อ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ นางสาวจันทราภรณ์ เพชรดี เป็นกรรมการ นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2565 ไม่มีรายได้ ขาดทุนสุทธิ 47,010 บาท
ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า บริษัทแห่งนี้เคยเป็นคู่สัญญารัฐอย่างน้อย 1 สัญญา ดำเนินการขุดลอกหนองน้ำ (ช่วงที่ 2) โครงการ บร 24476/1บ้านจอก ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ขนาดความยาวโดยรอบ 1,027.00 เมตร ลึก (เก็บกัก) 3.50 เมตร โดยกรมทางหลวงชนบท วงเงิน 5,587,061 บาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2542
ส่วนธุรกิจอีก 3 แห่งที่เหลือ ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง” ทั้งหมด ได้แก่
- หจก.นีณะวัฒน์ มาร์เก็ตติ้ง ประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้างทุกชนิด
- หจก.พาราบุรีรัมย์ก่อสร้าง 2015 ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง
- บริษัท ไอ เอส โอ สตีวีโด แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด ประกอบกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้า และคนโดยสารทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ
ในมุมชีวิตส่วนตัวนั้น หลังจากฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม เกี่ยวกับกรณีของนายศุภวัฒน์ ทีมข่าวข้นคนข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ “เนชั่นทีวี” ช่อง 22 ได้ลงพื้นที่ตามหานายศุภวัฒน์ โดนตามจากเบาะแสสลิปการโอนเงิน ที่อ้างว่าโอนเงินกันที่ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี
โดยทีมข่าวสอบถามจนทราบว่าบ้านของนายศุภวัฒน์ ตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เข้าจากปากทางถนนบางกรวย ไทรน้อย ใกล้กันกับสำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี โดยบ้านของนายศุภวัฒน์ อยู่สุดทางเดิน ตั้งอยู่บนที่ดินราว 2 ไร่ ด้านหลังติดกับคลองบางบัวทอง (ดูภาพประกอบ)
เบื้องต้นทีมข่าวข้นคนข่าว ได้ขออนุญาตสัมภาษณ์นายศุภวัฒน์ถึงประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านพาดพิงในสภาฯ แต่นายศุภวัฒน์ไม่อยู่บ้าน มีเพียงผู้ดูแลบ้านเท่านั้น โดยผู้ดูแลบ้านได้ติดต่อนายศุภวัฒน์ให้ แต่เจ้าตัวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์
ส่วนประชาชนบริเวณดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ครอบครัวของนายศุภวัฒน์ มีความสนิทสนมกับนายศักดิ์สยามมานาน โดยเฉพาะตัวนายศุภวัฒน์และพี่ชาย มักเห็นนายศักดิ์สยามเข้านอกออกในบ้านหลังนี้บ่อยครั้ง
เมื่อถามถึงข้อมูลทางธุรกิจ ประชาชนบริเวณดังกล่าว ให้ข้อมูลตรงกันว่า นายศุภวัฒน์ค่อนข้างมีฐานะ ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ บ้านหลังนี้เปรียบเสมือนท่าเทียบเรือไว้ขนส่งสินค้าทางในเรือในคลองบางบัวทอง ครอบครัวยังเคยทำธุรกิจโรงสีข้าว รับจำนองที่ดิน รวมถึงปล่อยเงินกู้ คนเก่าแก่ในพื้นที่จะทราบกันดี