ดาบสอง5คดี เกม‘ยุบภูมิใจไทย’ ชะตา‘10กก.บห.’ส่อซ้ำรอยอนค.

ดาบสอง5คดี เกม‘ยุบภูมิใจไทย’  ชะตา‘10กก.บห.’ส่อซ้ำรอยอนค.

ผลคำวินิฉัยศาลวันที่17ม.ค. แม้จะส่งผลให้"ศักดิ์สยาม" ต้องเว้นวรรคความเป็นรัฐมนตรี2ปี แต่นั่น!เป็นเพียงดาบแรก  ของจริงอยู่ที่ “ดาบสอง”  “5 คดี” ต่อจากนี้ที่จะกลายเป็นเดิมพันบนปากเหวของ “ค่ายสีน้ำเงิน” 

Key Points

  • ผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมที่ออกมา ช่วงบ่ายวันที่ 17 ม.ค.2567 เป็นเพียง “ดาบแรก”
  • เกมที่ลึกไปกว่านั้น อาจอยู่ที่ “ดาบสอง” ซึ่งฝ่ายผู้ร้อง เตรียมยื่นเอาผิด “ศักดิ์สยาม” รวมถึง “ภูมิใจไทย” อีก “5 คดี” ต่อจากนี้ต่างหากที่จะกลายเป็นเดิมพันบนปากเหวของ “ค่ายสีน้ำเงิน” 
  • 4 คดีอาจทำให้ศักดิ์สยามต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง “ตลอดชีวิต” หรือคดีที่ 5 คือ คดียุบพรรค  ที่ไม่เพียงแต่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงศักดิ์สยาม หรืออาณาจักรบุรีรัมย์แต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงชะตากรรมของ “10กรรมการบริหารพรรค” 

อาฟเตอร์เอฟเฟกต์ หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย 7 ต่อ 1 ให้ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา82 นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่ 3 มี.ค.2566 จากกรณีคงไว้ซึ่งหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น

ทำให้องศาการเมืองระอุขึ้นมาอีกระลอก โดยมีการจับตาไปที่จังหวะก้าวย่างของ “ค่ายสีน้ำเงิน” ที่อาจไม่ได้จบลงแค่ความผิดเฉพาะตัวบุคคลของ “ศักดิ์สยาม” ที่เวลานี้กลายเป็นอดีตเลขาพรรคภูมิใจไทย แต่เพียงเท่านั้น

 ในมุมการเมืองมีการประเมินในทิศทางเดียวกันว่า ผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมที่ออกมา ช่วงบ่ายวันที่ 17 ม.ค.2567 เป็นเพียง “ดาบแรก”ที่แทบจะไม่มีผลอะไรทางการเมือง 

ดาบสอง5คดี เกม‘ยุบภูมิใจไทย’  ชะตา‘10กก.บห.’ส่อซ้ำรอยอนค.

 

หากถอดรหัสคำวินิจฉัยที่ออกมา เป็นเพียงการสั่งให้ “ศักดิ์สยาม” พ้นตำแหน่ง รมว.คมนาคม รวมถึงเว้นวรรคการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 2 ปี (นับจาก 3 มี.ค.2566) ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 (8)  แต่เวลานี้ ก็ล่วงเลยไปกว่า 1 ปี เท่ากับว่า เขาจะเหลือเวลาเว้นวรรคเพียงปีเศษ  ซึ่งไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะเวลานี้ได้เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และ “ศักดิ์สยาม” เองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะ รมว.คมนาคม อีกต่อไป 

มิหนำซ้ำ ชาดา ไทยเศรษฐ์  รมช.มหาดไทย หนึ่งในแกนนำพรรค ยังการันตีว่า อีกปีเศษ ศักดิ์สยามจะคัมแบครัฐมนตรีแน่นอน 

ทว่า อนาคตของภูมิใจไทย และคีย์แมนพรรค คงไม่ง่ายอย่างที่คาด เมื่อเกมที่ลึกไปกว่านั้น อาจอยู่ที่ “ดาบสอง” ซึ่งฝ่ายผู้ร้อง เตรียมยื่นเอาผิด “ศักดิ์สยาม” รวมถึง “ภูมิใจไทย” อีก “5 คดี”

ต่อจากนี้ต่างหากที่จะกลายเป็นเดิมพันบนปากเหวของ “ค่ายสีน้ำเงิน” 

เมื่อถอดรหัสจาก “คำร้อง” รวมถึงข้อกฎหมายที่มีการหยิบยกมาพูดถึงเวลานี้  จะพบว่า คดีแรก คือ "คดีฟอกเงิน” คำวินิจฉัยระบุชัดว่า “ศุภวัฒน์ และ หจก.บุรีเจริญฯ ไม่เคยเกี่ยวข้อง หรือสัมพันธ์ใด ๆ กับพรรคภูมิใจไทย แต่ช่วงเวลาภายหลังศักดิ์สยามโอนหุ้นให้ศุภวัฒน์ และ หจก.บุรีเจริญฯ กลับบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินให้กับพรรคการเมือง ที่ศักดิ์สยามมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค

ยังไม่นับรวมนิติกรรมอำพรางอื่นๆ อาทิ เงินที่ "ศุภวัฒน์" นำมาซื้อกองทุน 2 รายการ ก้อนแรก 35 ล้านบาท จากบริษัท ศิลาชัยฯ ก้อนสอง 56.7 ล้านบาท จากบริษัท ศิลาชัยฯ 36.7 ล้านบาท และ หจก.บุรีเจริญฯ 20 ล้านบาท ซึ่งศาลเชื่อว่าเป็นเงินของศักดิ์สยาม

ดาบสอง5คดี เกม‘ยุบภูมิใจไทย’  ชะตา‘10กก.บห.’ส่อซ้ำรอยอนค.

คดีที่สอง คือ “คดีฮั้วประมูล” เมื่อศาลวินิจฉัยว่า การโอนหุ้นของศักดิ์สยามเป็นไปอย่างมีพิรุธ มีเหตุอันควรเชื่อว่าศักดิ์สยามและ“ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์”มีการตกลง นำเงินของศักดิ์สยาม ทำธุรกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบ“นอมินี”โดยขั้นตอนสุดท้ายนำเงินนั้นซื้อกองทุนต่างๆกลับมาเป็นของศักดิ์สยามดังเดิม หรือสรุปง่ายๆ คือศักดิ์สยามยังเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น

เช่นนี้ในยุคที่ “ศักดิ์สยาม” เป็นรมว.คมนาคม ขณะนี้ หจก.บุรีเจริญฯ ก็รับประมูลงานของกระทรวงระหว่างปี2562-2564 รวม 104 โครงการมูลค่า1,568 ล้านบาท จะถือเป็นการได้ประโยชน์จากการก่อสร้าง หรือประมูลงานรัฐหรือไม่ อย่างไร

คดีที่สาม คือ คดีปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม เช่น บิลน้ำมัน  ที่ “ศุภวัฒน์” เมื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการใน หจก.บุรีเจริญฯ มิได้กำหนดค่าตอบแทนแก่ตนเอง ดังที่ศักดิ์สยามเคยทำเมื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแต่อย่างใด แต่กลับปรากฏใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันจำนวนหนึ่ง มีการระบุเลขทะเบียนรถยนต์ของศักดิ์สยาม 2 คัน ตามที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. โดยระบุว่าในใบเสร็จว่า “ติดตามนาย”

แต่ศักดิ์สยามกลับชี้แจงตามคำแถลงปิดคดีว่า ไม่ทราบว่า “ศุภวัฒน์” เคยขอใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันหรือไม่ และไม่เคยได้รับเงินค่าน้ำมันจาก หจก.บุรีเจริญฯ หรือสั่งพนักงานขับรถนำบิลไปเบิกค่าน้ำมันจาก หจก.บุรีเจริญฯ วิญญูชนย่อมไม่นำใบเสร็จรับเงิน หรือความสัมพันธ์กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาใช้เบิกเงินกับ หจก.บุรีเจริญฯ ที่เป็นธุรกิจต้องห้าม เพื่อไม่ให้ผู้ถูกร้องมาเกี่ยวข้อทั้งทางตรงและทางอ้อม กรณีพิรุธน่าสงสัยในประเด็นดังกล่าว 

คดีที่สี่ คือ คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ โดยประเด็นนี้มีการมองว่า ในการยื่นรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของศักดิ์สยามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อปี 2562 ระบุว่า  ศักดิ์สยามมีทรัพย์สินรวม 115 ล้านบาท มีเงินสดและเงินฝากประมาณ 76.3 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน 

เมื่อดูในรายละเอียด มีการตั้งข้อสังเกตว่า เงินจากการโอนหุ้นบริษัทดังกล่าวข้างต้นหลายร้อยล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันที่ศักดิ์สยามจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.

คดีห้า คือ คดียุบพรรค กรณี หจก.บุรีเจริญฯ บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด รวมถึงธุรกิจในเครือตระกูลชิดชอบ ซึ่งศาลวินิจฉัยว่ายังเป็นของศักดิ์สยาม เคยบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทย  

คดีนี้อาจมีความเชื่อมโยงไปถึงคดีที่ 1 คือ คดีฟอกเงินการพบพิรุธการตั้งใจบริจาคเงินหลังศักดิ์สยามโอนหุ้นให้ศุภวัฒน์

ซึ่งหากแหล่งที่มาของเงินบริจาคเป็นไปโดยมิชอบ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อมาตรา 72 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง เหมือนอย่างกรณีของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคกู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท

ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เงินดังกล่าวถือเป็นเงินบริจาค หรือประโยชน์อื่นใด ที่ต้องห้ามตามมาตรา 66 วรรคสอง รวมทั้งฝ่าฝืนมาตรา 72 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นเหตุให้ยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี

(เปิดบทบัญญัติยุบพรรค: พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 )

ผลวินิจฉัยที่ออกมา แน่นอนว่า ยังเป็นเพียงการส่งสัญญาณเตือน“ดาบแรก” เท่านั้น แต่ของจริงอยู่ที่"ดาบสอง" โดยเฉพาะ 4 คดีแรกที่อาจทำให้ศักดิ์สยามต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง “ตลอดชีวิต” 

 หรือแม้แต่คดีที่ 5 คือ คดียุบพรรค  ที่ไม่เพียงแต่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงศักดิ์สยาม หรืออาณาจักรบุรีรัมย์แต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงชะตากรรมของ “10กรรมการบริหารพรรค” หลังจากนี้ ที่เสี่ยงติดโทษแบนยาว 10 ปีอีกด้วย 

จังหวะก้าวย่างภูมิใจไทยหลังจากนี้ จึงต้องจับตา“บิ๊กสีน้ำเงิน” ที่ต้องลุ้นชะตากรรมที่กำลังยืนอยู่บนปากเหวในเวลานี้ โดยเริ่มเห็นสัญญาณล่าสุด มีการพูดถึงการเตรียม “แผนสอง” ถ่ายทอดมรดกการเมือง ส่งไม้ต่อทายาทแถว 3 ซึ่งแน่นอนว่า ยังมีผู้คุมเกมหลัก คือ“ตระกูลชิดชอบ”ดังเดิม! 

ดาบสอง5คดี เกม‘ยุบภูมิใจไทย’  ชะตา‘10กก.บห.’ส่อซ้ำรอยอนค.