'อธิบดีกรมการปกครอง' สั่งตรวจสอบโรงงานพลุทั่ว กทม.หวั่นซ้ำรอย สุพรรณบุรี
"อธิบดีกรมการปกครอง" ยันโรงงานพลุระเบิด สุพรรณบุรี มีใบอนุญาตถูกต้อง กำชับตรวจสอบโรงงานทั่วกรุงเทพ หวั่นซ้ำรอย ตั้งข้อสังเกตทำไมคนไปรวมตัวเยอะ ขณะที่ ผู้ว่าฯ เล็งตั้งกองทุนช่วยเหลือ-ทุนการศึกษา
18 ม.ค.2567 ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวถึงการตรวจสอบใบอนุญาตเหตุโรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย ว่า โรงงานนี้ได้ใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2564 และต่อใบอนุญาตทุกปี โดยผ่านการอนุมัติจากนายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี หลังผ่านหลักเกณฑ์ อาทิ ผู้ขออนุญาตไม่มีประวัติอาชญากรรม สถานที่ตั้งโรงงานเป็นไปตามระเบียบของกฎหมายผังเมือง รวมถึงผ่านการทำประชาคมจากชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ กทม. ตนได้ให้มีการตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ส่วนสาเหตุพลุระเบิดนั้น ยังไม่ทราบ แต่มีการยืนยันแล้วว่ามีผู้เสียชีวิต 23 ราย และล่าสุดเมื่อเช้าพบเพิ่มอีก 2 ราย ที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ซึ่งวันนี้ทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ก่อนนำร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์ พร้อมย้ำว่า การตั้งโรงงานดังกล่าวได้รับการอนุญาตถูกต้อง และได้มีการกำชับแล้ว หลังเกิดเหตุพลุระเบิด ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตลอด
ส่วนเหตุระเบิกสามารถเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ใดได้บ้างนั้น อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงก่อน ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุต้นเหตุได้
เมื่อถามว่า โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุระเบิดเมื่อปี 2565 และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทำไมถึงได้รับการอนุญาตตั้งโรงงาน อธิบดีกรมการปกครอง ย้ำว่า การได้รับอนุญาตจะต้องขอพื้นที่และรับฟังเสียงชาวบ้านในพื้นที่ โดยทั้งหมดผ่านกระบวนการแล้ว ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ EOD ตรวจหาสาเหตุก่อน เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงมีคนไปรวมตัวภายในโรงงานดังกล่าวเยอะกว่า 20 คน คน ซึ่งไม่รู้ว่ามีงานเลี้ยงหรืออะไรหรือไม่ ก่อนที่จะเกิดเหตุ
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ก็มีความห่วงใยและได้สั่งการจังหวัดให้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา นอกเหนือหน่วยงานกระทรวงอื่นด้วย
ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่าเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตน้อยไปหรือไม่ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า จะมีการหาหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นผู้ใหญ่และมีบุตรที่ต้องศึกษาเล่าเรียน ดังนั้น จึงต้องดูว่าจะมีการตั้งกองทุนเพื่อมาดูแลหรือไม่ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาแล้ว
สำหรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นประกอบด้วย
-กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีเงินอุดหนุนช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม กรณีฉุกเฉิน ครอบครัวละ 3,000 บาท
-ราชประชานุเคราะห์ฯ มีค่าทำศพ 10,000 บาท
-กระทรวงแรงงาน โดยหน่วยงานจัดหางาน คุ้มครองแรงงาน ผู้ประกันตนและผู้ขึ้นทะเบียน จะช่วยเหลือด้วย
-กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี แบ่งเงินช่วยเหลือดังนี้
ค่าจัดการศพ 50,000
ทุนเลี้ยงชีพครอบครัว 30,000
มีบุตรไม่เกิน 25 ปี ได้อีก 50,000
ทุนเลี้ยงชีพ กรณีบาดเจ็บสาหัส 30,000+ เลี้ยงชีพ 15,000
-กระทรวงยุติธรรม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่สอง) พ.ศ. 2559 โดยอยู่ที่คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา (ผู้ว่าฯ เป็นประธาน) พิจารณาช่วยเหลือรายละไม่เกิน 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะอนุกรรมการฯ
-ท้องถิ่น (ประกาศภัย) 29,700 ส่วนถ้าเป็นหัวหน้าครอบครัว จะได้เพิ่มอีกเท่านึง (59,400)