‘เศรษฐา’ ลั่น ไทยเป็นกลาง ไม่ขัดแย้งชาติมหาอำนาจ หวังดึงลงทุน ‘แลนด์บริดจ์’
“เศรษฐา” ประกาศจุดยืนประเทศไทย เป็นกลางในเวทีโลก ไม่เป็นคู่ขัดแย้งชาติมหาอำนาจ หวัง ดึงลงทุน ”แลนด์บริดจ์“ ลั่น เมื่อเมกะโปรเจ็กต์อยู่บนประเทศไทย จะสร้างอำนาจต่อรองได้ ชี้ อย่างน้อย10กว่าปีเสร็จ
ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวตอนหนึ่งในงานปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา "Thailand 2024 The Great Challenge เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส" ถึงโครงการ"แลนด์บริดจ์" ว่ามีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ยืนยันรัฐบาลนี้รับฟังทุกข้อท้วงติง และต้องทำการศึกษาอย่างเป็นธรรม จากการพูดคุยมีนักลงทุน ทั้งจากอินเดียหรือดูไบ สนใจและพร้อมมาพูดคุย มาดูสถานที่จริง แต่การจะใช้งบลงทุนให้น้อยที่สุด ให้คนอื่นมาลงทุน เราไม่ใช่แค่ฟังความเห็นของประชาชน แต่ต้องฟังผู้ลงทุนด้วยว่าอยากได้อะไร ก็เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องกลั่นกรอง ว่าสิ่งที่เขาขอมาเป็นบวกหรือลบมากกว่ากับประชาชน เพราะยังไม่รู้ว่าต้องมีส่งท่อน้ำมันหรือไม่ แต่เราก็เปิดกว้างว่าอาจเป็นหนึ่งในธุรกิจที่อยากให้เขามาลงทุน ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ เรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 กว่าปีคงจะเสร็จหมด จึงอยากให้มองไปข้างหน้าเหมือนกับสนามบินสุวรรณภูมิ
นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงทุนใหญ่ๆ “ประเทศไทยยืนยันจุดยืนทางการต่างประเทศ เราเป็นประเทศที่เป็นกลางตลอด เราไม่เป็นparty of conflict กับประเทศใดๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศจีนก็ตาม หรืออินเดีย ซึ่งกำลังขยับมาเป็นมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่ง“
นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่เราจะทำขึ้นมา แสดงจุดยืนให้ชัดเจนเราเป็นมิตรกับทุกประเทศ เรายินดีที่จะร่วมทำธุรกรรมต่างๆ กับหลายๆประเทศ การที่เรามีอินฟราสตรัคเจอร์โปรเจ็กต์ เมกะโปรเจ็กต์ระดับโลกตั้งอยู่บนประเทศไทยก็สามารถสร้างอำนาจต่อรองให้กับทุกประเทศ ตราบใดที่เรายังเป็นคนควบคุมสินทรัพย์ทั้งหมดของโครงการเมกะโปรเจ็กต์นี้
“ผมเชื่อนะครับ ว่าการค้าระหว่างโลกจะมีเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร” นายกฯ กล่าว