'สว. สมชาย' ยินดี 'พิธา' คืนสถานะสส. ปัดวิจารณ์คำชี้ขาดศาลรธน.
"สว. สมชาย" ปัดก้าวล่วงคำวินิจฉัย ศาลรธน. ให้ "พิธา" รอดคดีหุ้นสื่อ พร้อมยินดีได้กลับสภาฯ บอกให้จับตาเอฟเฟก ปมทวงสิทธิ "ธนาธร" - ฟ้องคดี "กกต."
ที่วุฒิสภา สว. สมชาย แสวงการ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไม่ขาดคุณสมบัติความเป็น สส. กรณีการถือหุ้นไอทีวี ว่า ตนน้อมรับและไม่ขอก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนยังเชื่อมั่นต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นที่พึ่งของหลักนิตรัฐและนิติธรรม นอกจากนี้ตนขอแสดงความยินดีกับนายพิธา ที่ได้คืนสถานะความเป็น สส. และขอให้ทุกฝ่าย เช่น แฟนคลับพรรคก้าวไกล มีมาตรฐานต่อการเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นคุณ เป็นประโยชน์ หรือเป็นโทษ ไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด เพราะหากไม่เคารพจะไม่มีหลักพิงของการตัดสินหรือวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและรัฐธรรมนูญ
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ตนได้ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดนั้น เป็นเพียงความเห็นของตนและต้องการบันทึกไว้เท่านั้น แต่รายละเอียดของการพิจารณาของศาลหรือรายละเอียดของการต่อสู้คดีของนายพิธาจนหักล้างคำร้องและทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเชื่อว่าบริษัทไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการจนมีผลคำวินิจฉัยดังกล่าวนั้นตนไม่ทราบและไม่ขอก้าวล่วง
นายสมชาย กล่าวว่า จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีของนายพิธา อาจมีประเด็นให้พิจารณาตามมา ทั้งกรณีที่ นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อาจทวงสิทธิของตนเอง เพราะในกรณีของการถือหุ้นในบริษัทบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัน นั้นพบว่าไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ แต่ไม่ได้ประกอบกิจการแล้ว รวมถึง กรณีของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไต่สวนเอาผิดนายพิธา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 กรณีรู้ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังฝ่าฝืน ที่อาจถูกดำเนินกลับคดีได้
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีการถือหุ้นสื่อของนักการเมืองที่ศาลรัฐธรรมนูญวางมาตรฐานต่างกัน นายสมชาย กล่าวว่า อาจมีประเด็นของเนื้อหาของคดี และข้อเท็จจริงที่อาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน ซึ่งในกรณีที่ตั้งคำถามนั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ เพราะจะถือเป็นกการก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในภาพรวมของคำวินิจฉัยที่ตนรับฟังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญยังยึดแนวทางและมาตรฐาน เช่น ถือหุ้นสื่อเพียงหุ้นเดียวไม่ได้
"เมื่อศาลวินิจฉัยจบคือจบ ส่วนข้อเท็จจริงในอนาคตก็ว่ากันไป ผมไม่ก้าวล่วงในคำวินิจฉัยเรื่องนี้ และเมื่อจบแล้วจะได้ไปลุ้นคดีของพรรคกก้าวไกลต่อในสัปดาห์หน้า ซึ่งผมยืนยยันว่าไม่ได้มุ่งอาฆาตกับนายพิธา และขอแสดงความยินดีที่ได้กลับเข้าไปทำหน้าที่” นายสมชาย กล่าว.