‘รีดทรัพย์กรมข้าว’ เขย่าหมูเถื่อน สะเทือน‘เสถียรภาพรัฐบาล’

Keypoits:

• หลังการจับกุม “ศรีสุวรรณ จรรยา” และ “เจ๋ง ดอกจิก” คดีเรียกรับเงิน“ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์”อธิบดีกรมการข้าว ยังต้องจับตาตัวละครลับ ที่อาจเป็น “ปลาตัวใหญ่” ที่ยังไม่ปรากฎตัว
• จากคดี “รีดทรัพย์” ลามถึง “หมูเถื่อน”  โยง “นักการเมือง ป.” 
• การขึ้นแท่น “อธิบดีเกรดเอ” ในกระทรวงเกรดเอ ของ“อธิบดีโจ”ลูกหม้อกระทรวงเกษตรไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากแรงสนับสนุนของ “บิ๊กเนมการเมือง”
• ต้องจับตาว่า จาก“คดีหมูเถื่อน” สู่“คดีรีดทรัพย์” จะบานปลายกลายเป็นศึกวัดพลังภายในขั้วรัฐบาลอีกระลอกหรือไม่! 

ขึ้นชื่อ เรื่องของเงินๆ ทองๆ แน่นอนว่าไม่เข้าใครออกใคร อย่างล่าสุด กรณีบุกจับกุม “ศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้อง(เรียน) ชื่อดัง วันเดียวกันกับการบุกรวบตัว “ยศวริศ ชูกล่อม” หรือ  “เจ๋ง ดอกจิก” รวมถึง “พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์” สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ  ก่อนถูกแจ้งข้อกล่าวหาข่มขู่เรียกรับเงิน“ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์”อธิบดีกรมการข้าว แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน

หลังจับกุม รวมถึงแจ้งข้อหากับผู้ร่วมขบวนการในเบื้องต้นทั้ง 3 คน จนถึงเวลานี้ ยังทิ้งไว้ซึ่งปริศนาที่ว่า ทั้งหมดจะเป็นเพียง “ปลาซิว-ปลาสร้อย” ที่มี “ปลาตัวใหญ่” เป็นแบ็คอัพคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่อย่างไร  

ตัวละครที่เริ่มเปิดออกมาทีละตัว ไม่ว่าจะเป็น “รัฐมนตรีช่วย” ซึ่ง “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา จัดทำ และติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า เป็นบุคคล ที่ทัั้ง “ศรีสุวรรณ” และ “เจ๋ง ดอกจิก” กล่าวอ้าง ถึงเมื่อครั้งยื่นตรวจสอบ “อธิบดีณัฏฐกิตติ์” ว่า รมช.ผู้นี้ เป็นคนส่งข่าว และส่งข้อมูลนี้เพื่อขอให้ กมธ.ช่วยตรวจสอบ

ขณะที่ “ธรรมนัส พรหมเผ่า”รมว.เกษตรฯ รีบชิงปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง “ศรีสุวรณณ” และ “เจ๋ง ดอกจิก” ตามที่ถูกกล่าวอ้างชื่อถึง อีกทั้งยังสั่งให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาต้นตอว่าทั้ง 2 คนไปพบ รมช.คนใดมาบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น ในห้วงที่คดีความยังไม่สิ้นกระแสสงสัย กลับปรากฎอีกหนึ่งตัวละคร เมื่อ “ดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล” ทนายความและที่ปรึกษากฎหมายอธิบดีกรมการข้าว เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่มีการ “รีดทรัพย์” โดยตั้งข้อสังเกตว่า มีการดำเนินการแบบเป็นขั้นเป็นตอน ก่อนซ้อนแผนจับกุม

 โดยในห้วงเวลานี้เองที่ปรากฎความเคลื่อนไหวของ “นักการเมือง ป.” เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ พยายามติดต่อไปยังอธิบดีกรมการข้าวและภรรยา ในทำนองเตือนแกมขู่ “ให้เบาๆ หน่อย และให้ยุติบทบาทเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโยงธุรกิจของภรรยาอธิบดีที่ทำฟาร์มหมู และฟาร์มไก่ ให้ไปเชื่อมโยงกับคดีหมูเถื่อนตีนไก่เถื่อน”

จากปมร้อน “รีดทรัพย์” อธิบดีกรมข้าว กลายเป็นว่า เวลานี้มีการขุด “คดีหมูเถื่อน” ขึ้นมาขยี้ซ้ำ และอาจลามเป็นอาฟเตอร์ช็อกเขย่าสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลกันอีกระลอก 

อย่างที่รู้กัน เมื่อครั้งมีข่าวคราว “คดีหมูเถื่อน” ดังกระหึ่ม! ประเด็นนี้ถูกนำมาใช้ฟาดฟัน เขย่าขาเก้าอี้รัฐมนตรี ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แถมลามไปถึงพรรคฝ่ายค้านที่เคยคุมกระทรวงเกษตรฯ ในอดีต

กระทั่ง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต้องออกมาแถลงด้วยท่าทีขึงขัง หลังถูกโยงไปถึงตัวละครในคดีนำเข้าตีนไก่เถื่อน  

โดยโยนกลับ ให้ไล่ย้อนไปถึงยุคที่ตนเองเป็น รมว.เกษตรฯ ได้มอบอำนาจเด็ดขาดให้รัฐมนตรีช่วยคุมกรมปศุสัตว์ 

ตัดกลับมาที่  “อธิบดีโจ”ณัฏฐกิตติ์ ตัวละครที่ตกเป็นเป้านักร้อง เมื่อย้อนเส้นทางในชีวิตราชการ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ถือว่าเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นลูกหม้อกระทรวงเกษตรฯ ที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้อำนวยการกองเมล็ดพันธุ์ กรมการข้าว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเพียง 2 เดือน ก็ได้ขยับเป็นรองอธิบดีกรมการข้าว ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าวในที่สุด

ไล่ลึกไปกว่านั้น เมื่อผ่าขุมทรัพย์ “กรมการข้าว”  เฉพาะงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปี 2567 ซึ่งผ่านสภาฯ วาระแรก เมื่อ 5 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา และเวลานี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของ กมธ.งบประมาณฯ ก่อนเสนอเข้าสู่สภาในวาระ 2-3 

พบว่างบฯ เฉพาะกรมการข้าว ได้รับจัดสรร จำนวน 4,447.644 ล้านบาท แบ่งออกเป็น รายจ่ายประจำ 2,098.753 ล้านบาท โฟกัสไปที่ “รายจ่ายทุน” 2,348.890 ล้านบาท ประกอบด้วย แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มศักยภาพพัฒนาการผลิตข้าว 12 โครงการ 23.674 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภายใต้งบประมาณปี 2567 ยังมีแผนงานยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า 37 โครงการ 1,864.746 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว 15 โครงการ 749.918 ล้านบาท  โครงการปรับปรุงระบบการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี 16 โครงการ 33.024 ล้านบาท เป็นต้น 

แน่นอนว่าการขึ้นแท่น “อธิบดีเกรดเอ” ในกระทรวงเกรดเอ ของ“อธิบดีโจ”ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากแรงสนับสนุนของ “บิ๊กเนมการเมือง” รวมถึงพรรคการเมืองในซีกรัฐบาล หากไปไล่ดูว่าเป็น “บิ๊กเนมการเมือง” คนไหน พรรคการเมืองใด ก็คงเดาได้ไม่ยาก

ไม่ต่างจากปฏิบัติการ “ซ้อนแผน” รวบนักตบทรัพย์ ที่มีการวางแผนแบบเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง จนนำมาสู่การจับกุม กระทั่งเปิดตัวละครหน้าฉาก ที่โยงนักการเมืองหลังฉาก จึงหวังกระทบชิ่งไปถึง “ตัวละครลับ” หมูเถื่อนในท้ายที่สุด

จากปมรีดทรัพย์ทำไปทำมาอาจถูกโยงไปที่หมูเถื่อนเป็นพัลวัลพันเก แน่นอนว่า ย่อมกลายเป็นแรงกระแทกไปถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” โดยเฉพาะแรงต่อรอง หากมีการปรับ ครม.ซึ่งกำลังถูกจับตาอยู่ ณ เวลานี้ 

ทั้งหมูเถื่อนที่ถูกขุดขึ้นมาสร้างเกมต่อรองระหว่างพรรค รวมไปถึงการบุกจับกุม “เจ๋ง ดอกจิก” แม้ต้นสังกัดจะแสดงท่าทีอย่างชัดเจนไม่ปกป้อง แต่ว่ากันว่า "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค"  รองนายกฯ และรมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกอาการไม่แฮปปี้กับปฏิบัติการบุกจับกลางทำเนียบรัฐบาลที่กระทบต่อภาพลักษณ์พรรคอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

ต้องจับตาว่า จาก“คดีหมูเถื่อน” สู่“คดีรีดทรัพย์” จะบานปลายกลายเป็นศึกวัดพลังภายในขั้วรัฐบาลอีกระลอกหรือไม่!