'ไชยา' แจง ไฟไหม้ห้องทำงานกระทรวงเกษตรฯ ลั่นใครจะเผาบ้านตัวเอง

6 ก.พ.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุเพลิงไหม้อาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริเวณโซนห้องทำงานของตน ว่า เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเข้าไปในที่เกิดเหตุ พร้อมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หลังได้รับการอนุญาตจากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยได้มีการสำรวจความเสียหายบริเวณห้องทำงาน พบว่าห้องที่เกิดเหตุ ที่มีการเผาไหม้ค่อนข้างได้รับความเสียหายอย่างหนักบริเวณห้องครัว ซึ่งน่าจะเกิดความเสียหายจากการขัดข้องของระบบไฟฟ้าตรงปลั๊กไฟที่เสียบคาอยู่ เพราะบริเวณนั้น รวมไปถึงบริเวณผ้าม่านและฝ้าผนังมีความเสียหายจำนวนมาก ขณะที่ห้องทำงานที่ปรึกษาของตน ก็ได้รับความเสียหายบางส่วน แต่ไม่มีเอกสารสำคัญอยู่ เพราะตนแม้จะได้รับมอบหมายงานให้กำกับดูแล แต่ไม่มีอำนาจพิจารณางบประมาณ และการบริหารบุคคลเลย จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ เพราะไม่ใช่อำนาจของตน ซึ่งเอกสารสำคัญปัจจุบันก็เก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกระแสข่าวภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หลายเรื่อง แต่ตนไม่อยากให้โยงไปถึงการเมือง ซึ่งก็คงไม่สามารถไปห้ามความคิดใครได้ แต่ขอยืนยันว่าไม่มีประเด็นการเมือง และขออย่าไปคิดว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นการเผาพยานหลักฐานต่างๆ เนื่องจากตนไม่ได้ดูแลกรมการข้าว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเผาบ้านตัวเอง และวันนี้ตนก็ต้องไปหาที่ทำงานใหม่ โดยต้องไปอยู่ที่กรมชลประทาน ซึ่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลย ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องตลกที่จะต้องไปสร้างสถานการณ์ จึงไม่อยากให้มองเป็นเรื่องการเมือง ขอให้รอกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบดีกว่า เพื่อที่ความจริงจะได้ปรากฎ

ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องมีการสั่งการดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชาชนสามารถเข้ามาได้ตามปกติเนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน เพื่อขอความเป็นความเป็นธรรมในเรื่องต่างๆ ในเวลาราชการเราจึงไม่ได้มีความเข้มงวดในเรื่องนี้ แต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว “จึงถือว่าโชคดีที่เหตุเกิดในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะถ้าเป็นช่วงวันธรรมดา คิดว่าคงไม่เกิดเหตุขึ้นเพราะมีประชาชนเห็นแต่ก็ยังคงย้ำว่าอย่าไปคิดไกลไม่มีเรื่องประเด็นการเมือง เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ยืนยันได้”

ส่วนเรื่องนี้มองว่าเป็นการดิสเครดิตก่อนมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่าไม่ทราบ ส่วนตัวไม่มีอะไร แต่ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ทำสงครามกับการปราบปรามหมูเถื่อน ซึ่งอาจจะมีการกระทบกับผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์บางส่วน แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาเลื่อยขาเก้าอี้ตน ยืนยันว่าทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม จึงคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องของประเด็นการเมือง พร้อมย้ำว่ายังไม่มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ที่ผ่านมาตั้งใจทำงานมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นจะสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมาย เนื้อเถื่อน หรือ โคบาลชายแดนใต้ ซึ่งขณะนี้คิดว่าทุกอย่างกำลังเดินหน้า และตนเองก็ทำดีที่สุดแล้ว