เล่นกับไฟ สะเทือน‘ก้าวไกล’ นิรโทษคดี ‘ม.112’ ริบหรี่
การที่นักกิจกรรมวัยเยาว์เล่นกับไฟครั้งนี้จะกระทบเกมยาวก้าวไกล หรือกัดกร่อนความนิยมของพรรคมากน้อยหรือไม่อย่างไร คีย์แมนคนสำคัญคงต้องพลิกตำราสู้ ในจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังรุมขย้ำ
Key Points
- ขบวนการการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ไปกระทบขบวนเสด็จ กระแสกำลังตีกลับอย่างเห็นได้ชัดเจนมาถึงตัวผู้กระทำ ที่มักแข็งกร้าว ยังต้องยอมขอโทษแม้มีข้ออ้างต่างๆ
- พรรคก้าวไกล ก็นั่งไม่ติด เพราะรับผลกระทบไปเต็มๆ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยเป็นนายประกัน จน วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ต้องออกโรงลดแรงกดดัน โดยระบุการกระทำที่ว่านั้น ไม่ถูกต้อง
- เปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ ใช้จังหวะนี้ลดความนิยมของก้าวไกล
- จนส่งผลระทบต่อแนวคิดโรดแมปนิรโทษกรรมการเมือง ครอบคลุมผู้ต้องคดี ม.112 ของก้าวไกล
- กลุ่มที่ป่วนขบวนเสด็จ ต่างก็มีคดี 112 ติดตัว
- แถมยังมีข้อครหา เข้าข้ายประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะ สส.ก้าวไกล หลายคน ก็มีคดี ม.112 ติดตัวเช่นเดียวกัน
แนวร่วมเครือข่ายสามนิ้วสีส้มที่เคลื่อนไหวนอกสภา ถูกเหมารวมเป็นลูกคู่ของพรรคก้าวไกล หลายครั้งที่ทำกิจกรรมต่างๆ เป็นไปอย่างไร้ยุทธศาสตร์ เมื่ออารมณ์ความเกรี้ยวโกรธ และข้ออ้างสิทธิเสรีภาพมาเป็นเหตุผล
เหตุการณ์ล่าสุด ที่เห็นได้ชัดคือ เด็กบางกลุ่มที่แสดงออกว่าไม่พอใจสังคม พยายามสร้างความวุ่นวายกับขบวนเสด็จ จนถูกกระแสสังคมตีกลับอย่างที่คาดไม่ถึง
แถมกระทบชิ่งไปถึงพรรคก้าวไกล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมา ถูกเชื่อมโยงในหลายมิติ
สส.พรรคก้าวไกล หลายคนล้วนผ่านการขึ้นโรงขึ้นศาล ใช้ตำแหน่งประกันตัวนักกิจกรรมทางการเมืองมาตลอด ตัวของพิธาเอง ก็เคยใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหาในคดี ม.112 มาแล้ว เมื่อกลางปี 2565 ซึ่งก็เป็นคนเดียวกันกับที่ไปแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเกี่ยวกับขบวนเสด็จ
ก้าวไกลเองรับรู้ถึงกระแสตีกลับถึงพรรคเป็นอย่างดี การที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ ออกมาเตือนสติเด็กๆ ว่า “การที่มีใครเข้าไปรบกวนกระบวนการในการอารักขาบุคคลสำคัญ ที่ดำเนินการตามมาตรการของรัฐ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”
ร้อนจนนักกิจกรรมเด็กน้อยที่สร้างเรื่อง ต้องออกโรงขอโทษกับพฤติกรรมตัวเอง โดยอ้างว่าขับรถเร็ว ไม่ระมัดระวัง รีบไปทำธุระ โดยไม่รู้ว่ามีขบวนเสด็จ ไม่ได้ตั้งใจป่วนหรือขวางขบวนตามที่เป็นข่าว
เรื่องนี้ จึงสุ่มเสี่ยงเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะกลุ่มที่อยู่ในฝ่ายขวาจัด ก็มีการเคลื่อนไหวแบบเผชิญหน้า จนมีการปะทะกันทั้ง 2 ฝ่ายในพื้นที่ย่านสยาม
ลามไปสู่พื้นที่การเมืองในใหญ่ เมื่อพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมเดิม และอนุรักษนิยมใหม่ ต่างมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องดังกล่าว แสดงความไม่พอใจการกระทำแบบเด็กๆ ที่อาจมีฝ่ายการเมืองบางฝ่ายคอยหนุนหลังหรือไม่
ฝ่ายค้านและรัฐบาล ต่างไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงกับการกระทำของนักกิจกรรมการเมืองเด็ก โดยในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมเสนอญัตติด่วนต่อสภา ให้ทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัย แนวทางการป้องกันปราบปรามพฤติกรรม ข่มขู่ ท้าทาย ให้ร้าย ในลักษณะเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เองก็นั่งไม่ติด ต้องเรียกพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มากำชับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ
หรือจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาให้ความเห็นถึงกรณีป่วนขบวนเสด็จ ยิ่งเป็นการตอกย้ำไม่สมควรนิรโทษกรรมความผิดตาม ม.112
จะมีสักกี่ครั้งที่รัฐบาลและฝ่ายค้าน มีจุดยืนร่วมกันว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนอาจกระทบโรดแมปของก้าวไกลในการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ต้องการให้ครอบคลุมผู้ต้องหาคดี ม.112 เข้าไปด้วย
ท่ามกลางข้อสังเกตว่า แนวทางของก้าวไกลอาจเข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เนื่องจาก สส.ของพรรคตัวเองหลายคน ก็เป็นผู้ต้องหาในคดี ม.112 ด้วย
แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จะมีบางกรณีที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า การบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ไม่เป็นธรรม หรือมีแรงจูงใจทางการเมืองก็ตาม แต่พอมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับขบวนเสด็จ ก็ยิ่งทำให้แนวทางนิรโทษกรรมของก้าวไกลริบหรี่ลงทุกขณะ
แรงกดดันต่างๆ จึงตกอยู่กับก้าวไกล ที่ปล่อยให้นักเคลื่อนไหวนอกสภา หรือผู้สนับสนุนทางบ้านมีอิทธิพลเหนือพรรคหรือไม่
จนกระทบกับแผนการใหญ่ของพรรคมานักต่อนัก ไล่มาตั้งแต่ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย ไม่สำเร็จ เป็นเพราะผู้สนับสนุนระดมกดดันบางฝ่ายจนถึงทางตันหรือไม่
กรณีพิธา ติดสติ๊กเกอร์ในช่องยกเลิก ม.112 ก็มาจากนักกิจกรรมเด็กที่เดินสายรณรงค์นั่นเอง จนศาลรัฐธรรมนูญ หยิบยกไปเป็นหนึ่งในเหตุผลของการวินิจฉัยว่าก้าวไกลล้มล้างการปกครอง
การที่นักกิจกรรมวัยเยาว์เล่นกับไฟครั้งนี้จะกระทบเกมยาวก้าวไกล หรือกัดกร่อนความนิยมของพรรคมากน้อยหรือไม่อย่างไร คีย์แมนคนสำคัญคงต้องพลิกตำราสู้ ในจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังรุมขย้ำ