‘นายกฯ’เผยเตรียมแก้หนี้ทหาร-ยกระดับความเป็นอยู่ ลั่นไม่ตัดกำลังพลทหาร
‘นายกฯ’เผยเตรียมแก้หนี้ทหาร-ยกระดับความเป็นอยู่ ลั่นไม่ตัดกำลังพลทหาร-หมอ-พยาบาล-เทคนิคการแพทย์-เภสัช เล็งหารือ ‘รมว.สาธารณสุข’ เหตุรายได้สาธารณสุข-ทหารไม่เท่าเทียมกัน
ที่ว่าการอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมค่ายทหารประจักษ์ศิลปาคม และโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม ว่า ได้เดินทางไปร่วมกับพล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เพื่อไปตรวจเยี่ยมค่าย และดูบ้านพักทหารที่สร้างมา 100 กว่าปี บางแห่งก็กว่า 80 ปี และได้เดินทางต่อไปดูที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคมที่มี 200 เตียง โดยมีประชาชนหนาแน่น
นายกฯ กล่าวต่อว่า การเดินทางไปตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ ก็เป็นไปตามแผนทั้งหมดที่เราได้วางไว้ พร้อมกันนี้ได้มีการพูดคุยกับผบ.ทบ.ไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องบ้านพัก เรื่องของโรงพยาบาล เรื่องหนี้ทหารรวมทั้งเรื่องกำลังพลที่มีการพูดกันว่าจะมีการลดจำนวนกำลังพล แต่อย่าไปพูดถึงการลดกำลังในส่วนของแพทย์และพยาบาล และเทคนิคการแพทย์ เพราะบางเรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะทางอย่างเช่นแพทย์พยาบาลหรือเทคนิคการแพทย์ ไม่ควรจะลดกำลังพล
เนื่องจากโรงพยาบาลทหารทั่วประเทศทุกโรงพยาบาลบริการประชาชนประมาณ 70 %ถึง 80% และแพทย์มีไม่เพียงพอ อย่างที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคมมีหมอเพียง 19 คน มีจำนวนเตียงผู้ป่วย 200 เตียง ทำให้ไม่เพียงพอจะเห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากเข้าไปรับบริการ ทั้งนี้เมื่อได้ถามประชาชนที่เข้าไปรับการรักษาว่าพอใจหรือไม่ ซึ่งประชาชนทุกคนยืนยันว่า มีความสุขมาก และการไปครั้งนี้ตนไม่ได้กำหนดไว้ในแผน ทุกคนหน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตนยังได้ไปดูในเรื่องของอุปกรณ์ว่าเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งบุคลากรและรายได้ของเภสัชกรที่ยังขาดแคลนอยู่ โดยเฉพาะเภสัชกรที่ทำงานในโรงพยาบาลทหาร มีรายได้ที่น้อยกว่าเภสัชกรที่ทำงานของสาธารณสุข เป็นข้าราชการเหมือนกันแต่มีรายได้ที่แตกต่าง ซึ่งตนก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องมีข้อแตกต่างแบบนี้ โดยผบ.ทบ.ได้นั่งรถมาด้วยกันได้มีการพูดคุยกันมีหลายเรื่องที่เราสามารถที่จะทำได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
ส่วนเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ จะสามารถเริ่มได้ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มีส่วนและประชาชนก็ใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเยอะแยะไปหมด ซึ่งเดี๋ยวจะมีการพูดคุยกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ซึ่งยืนยันว่าสามารถเข้าร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ด้วย แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่บุคลากรที่มีไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามในส่วนของทหารเองก็มีโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพบก มีส่วนในการช่วยผลิตบุคลากร ที่มีคุณภาพส่งเสริมการเติบโต ทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญการที่จะลดกำลังพลจะต้องไม่เกี่ยวกับส่วนนี้
สำหรับการบูรณาการร่วมกันของกระทรวงสาธารณสุขและทางทหารจะต้องมี แน่นอนเพราะโรงพยาบาลทหารปัจจุบัน 70% เป็นพลเรือนที่เข้ารับการรักษา โรงพยาบาลใหญ่ๆอย่างโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าและอีกหลายที่ ประชาชนก็เข้าไปรับบริการ ซึ่งโรงพยาบาลจำนวน 200 เตียงมี 10 กว่าโรงพยาบาลทั่วประเทศ และทุกโรงพยาบาลกว่า 70% ทำหน้าที่ดูแลประชาชน อีกทั้งสถานบริการขนาดเล็กอย่างสถานีอนามัย ก็ต้องช่วยกันดูแลตรงนั้นด้วย
ด้าน ผบ.ทบ. กล่าวด้วยว่า โรงพยาบาลทหารสามารถอยู่ร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ และโรงพยาบาลทหารก็รับบัตรทองด้วย