ทักษิณ : เศรษฐา จุดที่เหมาะสมทางการเมือง

การที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2567 จะเป็นประเด็นทางการเมืองครั้งใหญ่ในรอบปีนี้ โดยปฏิเสธไม่ได้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตวิญญาณของกลุ่มที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาในระหว่างที่พำนักในต่างประเทศได้มีนักการเมืองจำนวนไม่น้อยเดินทางไปพบหารือประเด็นทางการเมือง รวมถึงการที่อดีตนายกรัฐมนตรีมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สนับสนุนในไทยผ่านระบบออนไลน์

กรมราชทัณฑ์ยืนยันถึงการดำเนินการตามกฎหมายต่อการพักโทษครั้งนี้ หลังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัวอดีตนายกรัฐมนตรีมาควบคุมตัวในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566 จากคำพิพากษาจำคุก 3 คดี รวมโทษ 8 ปี โดยกรณีนายทักษิณ จัดอยู่ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป มีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ทั่วไปครบตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ 

ทันทีที่นายทักษิณได้รับการพักโทษมีบุคคลสำคัญทางการเมืองเข้าพบอย่างเปิดเผยหลายราย ในจำนวนดังกล่าวมีสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2567 ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ สะท้อนมาถึงความสัมพันธ์ที่ดีของไทย-กัมพูชา และนำมาสู่ความพยายามในการเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นปัญหาสะสมมาตั้งแต่ปี 2511 นับตั้งแต่ทั้ง 2 ประเทศ ประกาศเขตไหล่ทวีป

ในขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าพบนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2567 เป็นการเจอกันครั้งแรกหลังจากนายทักษิณพักโทษออกมาการเจอกันครั้งนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มีการพูดคุยกับเรื่องการเมืองหรือการเชิญนายทักษิณมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่นายทักษิณได้แสดงความห่วงใยถึงปัญหาของบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่มีอยู่มากและทำให้นายกรัฐมนตรีต้องเหนื่อย

ในการบริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องที่นายเศรษฐา จะเป็นผู้ขับเคลื่อนรัฐบาลให้ดำเนินการตามที่แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา มีหลายนโยบายที่เริ่มดำเนินการแล้วและเริ่มเห็นผล มีหลายนโยบายเริ่มแล้วแต่ยังไม่เห็นผล และมีหลายนโยบายที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ ในขณะที่นายทักษิณ ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อการเมืองในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา แม้จะอยู่ในต่างประเทศ แต่หลังจากที่กลับมาประเทศไทยแล้วบทบาทต่อการเมืองไทยคงจะเพิ่มขึ้น แต่นายทักษิณควรจะรู้ว่าบทบาทตัวเองที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมควรเป็นอย่างไร