ศูนย์อำนาจรัฐบาลเปลี่ยนมือ ‘เศรษฐา’ สูญภาวะผู้นำ

ศูนย์อำนาจรัฐบาลเปลี่ยนมือ ‘เศรษฐา’ สูญภาวะผู้นำ

ศูนย์อำนาจรัฐบาลเปลี่ยนมือ ‘เศรษฐา’สูญภาวะผู้นำ นับหนึ่งเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ถกประเมินผลงานรมต.เพื่อไทย จับตาเร่งจังหวะปรับครม.

KEY POINTS

  • นายกฯ เศรษฐา นับหนึ่งเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า "คนในบ้าน" ส่งสัญญาณ พรรคร่วมรัฐบาล เครือข่ายอนุรักษ์นิยม ศูนย์กลางอำนาจเปลี่ยนมือแล้ว
  • 2 ชั่วโมงบนโต๊ะอาหาร มีการพูดคุยการบริหารงานของรัฐบาล รวมถึงการประเมินผลงานของรัฐมนตรี หลังอยู่ในตำแหน่งครบ 6 เดือน
  • หลังจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมามีอำนาจทางการเมืองเต็มตัว ถนนแห่งอำนาจไม่ได้มุ่งไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล อีกต่อไป

หมายด่วน นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เข้าเยี่ยมอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ทักษิณ ชินวัตร โดยสื่อมวลชนรู้ล่วงหน้าเพียง 2 ชั่วโมง เช่นเดียวกับตัว “นายกฯเศรษฐา” ที่ไม่ทันตั้งตัว จะได้ไฟเขียวให้เข้าพบ

หลังกลับออกมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้า “เศรษฐา” ปฏิเสธว่าไม่ได้พูดคุยเรื่องการเมืองกับทักษิณ โดยบอกเพียงว่า “ไม่ได้พูดจาอะไรมากขนาดนั้น เพราะท่านทักษิณ ยังมีอาการเจ็บที่แขน แต่เริ่มขยับได้บ้าง และเชื่อว่า อาการคงดีขึ้น เพราะมีความสุขที่ได้อยู่บ้าน”

ไม่ต้องถึงขั้นเซียนการเมือง ก็ย่อมมองออกว่า ระยะเวลา 2 ชั่วโมง ในบ้านจันทร์ส่องหล้า ย่อมไม่พ้นหารือประเด็นการเมืองเป็นหลัก

เพราะการเรียกนายกฯเข้าพบครั้งนี้ ทักษิณต้องการส่งสัญญาณทางการเมืองให้ พรรคร่วมรัฐบาล และเครือข่ายอนุรักษนิยมรับรู้ว่าศูนย์รวมอำนาจกลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว

ปรากฎการณ์เช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อภาวะผู้นำรัฐบาลของ “เศรษฐา” ที่ถูกด้อยค่า

ขณะที่บรรดาคนการเมืองต่างต่อสายตรงไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะรู้สัญญาณว่าตัวจริงที่จะตัดสินใจเดินเกมคือใคร

เวลานี้ “เก้าอี้นายกฯ” ตระกูลชินวัตรจะยึดคืนเมื่อไร ย่อมทำได้เมื่อนั้น เนื่องจากแรงต่อรองทางการเมืองของ “เศรษฐา” ไม่มีพลังมากพอที่จะงัดข้อด้วย

แตกต่างจากยุคของ “สมัคร สุนทรเวช” อดีตนายกฯ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งมี “แก๊งค์ออฟโฟร์” มาช่วยบริหารอำนาจ ช่วยดีล สส. ให้คอยเป็นแบ็คอัพให้

“สมัคร” นายกฯนอกตระกูลชินวัตร จึงสามารถแข็งข้อได้ แม้ต่อมาจะโดนยึดอำนาจ และพลิกเกมชู “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นมาแทน

เมื่อ “เศรษฐา” ยอมงอ ไม่ยอมแข็งข้อ ก็ย่อมเสียความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อยื้อเก้านายกฯให้นานที่สุด เมื่อเจ้าของพรรคกดปุ่มให้ซ้ายหันขวาหัน นายกฯ จะถูกจับตาว่า ทำตามหรือไม่

แม้ก่อนหน้านี้ จะมีกระแสข่าวว่า มีคำสั่งลับให้ “เศรษฐา” ดำเนินการบางอย่างให้ “คนชั้น 14” แต่เจ้าตัวจะออกลูกแข็ง-ลูกดื้อ เพื่อเพลย์เซฟ ต้องหาหมายด่วนบินออกนอกประเทศ เปิดทางให้ “รองนายกฯเบอร์สอง” เซ็นหนังสือลับแทน จน “คนชั้น 14” ขุ่นเคืองใจไประยะหนึ่ง

โดยในช่วงดังกล่าว “คนชั้น 14” ยังไม่ได้รับอิสระ ตัวของ “เศรษฐา” อาจจะเล่นไม้แข็งได้ในบางเรื่อง แต่เมื่อได้รับอิสระมาแล้ว ทุกคำสั่ง-ทุกคำขอ หากมีการบิดพลิ้ว เก้าอี้นายกฯ มีโอกาสสั่นสะเทือนแน่นอน

ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า บารมีทางการเมืองของ “เศรษฐา” แทบไม่มีแสงในตัวเอง สะท้อนจากหลายสถานการณ์ แม้กระทั่งบรรยากาศภายในงานเลี้ยง สส. พรรคร่วมรัฐบาล งานฟุตบอลพรรคร่วมรัฐบาลกับสื่อมวลชน บ่งบอกได้ชัดว่าการเมืองไม่ใช่ที่ทางของ “เศรษฐา”

แม้ทั้งสองอีเวนต์จะเป็นเวทีเสริมบารมี แต่กลับกลายเป็น “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เฉิดฉายได้มากกว่า

ทุกจังหวะก้าวเต็มไปด้วยความนอบน้อม และพร้อมที่จะทักทายพูดคุยกับทุกคน ทั้งรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่-รุ่นอาวุโส

ที่สำคัญคนเดินตามหลัง “แพทองธาร” เป็นรัฐมนตรีค่ายเพื่อไทย ที่คอยช่วยประคับประคอง “ลูกสาวนายใหญ่” ทักทายคอยแนะนำตัวกับ สส. พรรคร่วมรัฐบาล อย่างเป็นกันเองเกือบทุกโต๊ะภายในงาน

แตกต่างกับ “เศรษฐา” มีเพียง คณาพจน์ โจมฤทธิ์ สายตรง “แพทองธาร” ทำหน้าที่เลขาฯ และทีมรักษาความปลอดภัย ตามติดในทุกฝีก้าวเท่านั้น ส่วนการทักทาย สส. พรรคร่วมรัฐบาล แม้จะมีบ้าง แต่พาวเวอร์ไม่จัดเต็มเท่า “หัวหน้าเพื่อไทย”

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่า การคุยกันของ “เศรษฐา-ทักษิณ” มีการประเมินผลงานของ “รัฐมนตรีเพื่อไทย” ในบางช่วงบางตอน เนื่องจากเข้าสู่เดือนที่ 6 บนเก้าอี้เสนาบดี ตามสไตล์ “นายใหญ่” ต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อเร่งให้แต่ละคนได้โชว์ผลงาน

ว่ากันว่า รายชื่อ “รัฐมนตรีเพื่อไทย” อยู่ในเกณฑ์สอบตก มีพอสมควร แต่โฟกัสหลักอยู่ที่เก้าอี้ “รัฐมนตรีช่วย” ซึ่งถือว่าต่างตอบแทนหมดหนี้บุญคุณกันแล้ว อาจจะต้องถอย เพื่อเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบ้าง

โดยไทม์มิ่งปรับ ครม.จะอยู่ในช่วงปลายเดือน เม.ย. ถึงต้นเดือน พ.ค. ภายหลังที่พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีผลบังคับใช้แล้ว จึงจะมีการขยับเปลี่ยนตัว ซึ่งก็อยู่ที่ “นายใหญ่” จะเลือกปรับเล็กบางตำแหน่ง หรือปรับใหญ่เพื่อรีสตาร์ทการทำงานใหม่

ในส่วนของ “พรรคร่วมรัฐบาล” หากพรรคใดต้องการปรับครม. ต้องรอให้ “เพื่อไทย” แจ้งอย่างเป็นทางการก่อนว่าจะมีการปรับ หากพรรคใดไม่ปรับก็ไม่ต้องส่งชื่อคนใหม่ หากพรรคใดต้องการเปลี่ยนตัวก็สามารถส่งชื่อมาใหม่ได้

อย่างไรก็ตามต้องจับตาการแลกโควตากระทรวงด้วย เพราะนโยบายของ “เพื่อไทย” ที่ต้องการกอบกู้เศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับมาได้ แต่มีบางกระทรวงไม่ได้อยู่ในมือ โดยเฉพาะ “กระทรวงแรงงาน” อาจจะมีการเปิดโต๊ะเจรจากันใหม่

หลังจากนี้ “เศรษฐา” อาจจำเป็นต้องเข้าๆ ออกๆ บ้านจันทร์ส่องหล้าบ่อยครั้งขึ้น บางหมายอาจจะลับเฉพาะวีไอพี บางหมายอาจจะเปิดให้สื่อรู้ได้ สภาพของ

“เศรษฐา” จึงอาจไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ถูกผลักให้มาอยู่หน้าฉาก ส่วนหลักฉากที่จะมีการดีลการเมือง ถึงเวลาที่ “นายใหญ่” ต้องคอนโทรลเองทั้งหมด