'ก้าวไกล' จี้ ทร.ตอบให้ชัดกู้ 'เรือหลวงสุโขทัย' หรือไม่ ปชช.ได้เห็นความจริง
สส.ก้าวไกล จี้กองทัพเรือตอบให้ชัด จะกู้ 'เรือหลวงสุโขทัย' หรือไม่ ล่มมาปีกว่า แต่ท่าที ทร. กลับขัดแย้งกันเอง ถามเหตุใดไม่ให้สหรัฐฯ ช่วยกู้ทั้งลำ ดันจบแค่การปลดอาวุธ ย้ำต้องกู้เท่านั้น ประชาชนจึงจะเห็นความจริง
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2567 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. เขต 8 พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch หัวข้อ “นิราศ (เรือหลวง) สุโขทัย: จากเรือรบสู่ประการังเทียม?” โดยไล่ไทม์ไลน์ของเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางลงตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2565 พร้อมกับกำลังพลอีก 106 นาย ซึ่งขณะนั้นกองทัพเรือได้เดินเรือออกจากฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี มุ่งหน้าไปร่วมงานเทิดพระเกียรติพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันครบรอบ 100 ปี วันคล้ายวันประสูติขององค์พระบิดาของกองทัพเรือไทย
พร้อมกันนี้ นายชยพล ได้ยกการอภิปรายของอดีต สส.ก้าวไกล อย่างนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เคยอภิปรายถึงประเด็นการล่มของเรือหลวงสุโขทัยไว้ ว่า ประกอบด้วยปัญหา 3 ประการ ไม่ว่าจะเป็น
- สภาพอากาศ ในวันเกิดเหตุรายงานพยากรณ์อากาศของกองทัพเรือได้รายงานไว้ว่าคลื่มลมจะสูงประมาณ 2.5 เมตร และรายงานของเอกชนระบุไว้ว่าคลื่นจะสูงถึง 6 เมตร ถึงอย่างนั้นหากเรือหลวงสุโขทัยถูกบำรุงรักษาอย่างถูกต้องตามงบประมาณที่ขอไป ก็ไม่มีทางที่จะล่มได้อย่างแน่นอน
- สภาพความพร้อมของเรือ เช่น สมอเรือ มอเตอร์ยังมีอาการขัดข้อง มาตรวัดในเรือใช้งานไม่ได้ เครื่องจักรสั่นสะเทือนผิดปกติ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าใช้งานได้ 3 จาก 4 เครื่อง และ
- ความผิดพลาดของการสั่งการซึ่งจุดที่เรือหลวงสุโขทัยล่ม จะใกล้กับท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เหตุใดถึงพยายามเดินเรือกลับไปสัตหีบจนอับปางในที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการซ่อมบำรุงของเรือหลวงสุโขทัย เช่นเรื่องการซ่อมบำรุงแผ่นเหล็กที่ถูกกร่อนจนบางต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งซ่อมไปเพียง 5 จุดจาก 13 จุดที่มีปัญหา แล้วไปซ่อมอีก 10 จุดที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร และมีคิวรอการซ่อมอยู่ถึง 19 รายการ หลังเกิดเหตุการณ์ ตนอยากให้พี่น้องประชาชนลองคิดดูว่ากองทัพเรือนั้นคิดอย่างไร ถึงมีท่าทีทั้งขัดแย้งกันไปมาอยู่เสมอ เช่น หลังเกิดเหตุมีการเริ่มกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง และเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 กองทัพเรือได้เริ่มเปิดให้บริษัทได้ยื่นซองประมูลโครงการกู้เรือหลวงสุโขทัยเป็นครั้งแรก ผ่านไปเป็นเวลา 2 เดือนหลังจากวันที่เรือล่ม กองทัพเรือได้แจ้งว่าผลการสอบสวนมีความคืบหน้าไปกว่า 90% ซึ่งก็คือเสร็จกระบวนการในขั้นตอนของการสอบปากคำพยานทั้งหมดเกือบ 300 คน โดยเหลือเพียงแค่การกู้เรือเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบ
ทางกองทัพเรือได้ให้ข่าวว่า คาดว่าจะเริ่มกู้เรือกันได้ในเดือนเมษายนปี 2566 เป็นอย่างช้า หลังจากผ่านไปกว่า 7 เดือน ในช่วงเดือนกันยายนปี 2566 จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีการล็อคสเปคในการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ ทำให้ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาขอสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และในระหว่างวันที่ 21 กันยายน 2566 กองทัพเรือก็เริ่มต้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าเอกสารไม่ครบ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ค้านสายตาคนรอบข้างมาก จน กมธ.การทหาร ต้องเชิญกองทัพเรือเข้าชี้แจง โดยชยพลตั้งคำถามว่า กองทัพเรือเองก็ย้ำมาตลอดว่าการกู้เรือเป็นภารกิจด่วน แล้วเหตุใดจึงล้มกระดานเสียเอง ทำให้ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่จากการเริ่มยื่นซองกันในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ขัดกับที่กองทัพกล่าวไว้แต่แรก ว่าพร้อมเริ่มกู้เรือตั้งแต่เดือนเมษายน 2566
นายชยพล กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 19 มกราคม 2567 ตนได้เปิดเอกสารจาก JUSMAGTHAI 2 ฉบับ ซึ่งมีเนื้อหาคือการทวงถามรายงานข้อเท็จจริงในกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง และการเตือนว่าตามสัญญาการใช้ยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกา ก่อนจะให้บุคคลที่สามมายุ่งกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐได้ ต้องได้รับคำยินยอมจากรัฐบาลของสหรัฐฯ ก่อน และ JUSMAG ก็ได้ส่งหนังสือมาแจ้งกองทัพเรือไทย ให้ทำตามข้อตกลงการใช้อาวุธ โดยส่งหนังสือมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 แจ้งให้ส่งรายงานโดยระบุข้อมูลคือ “วันที่เกิดเหตุ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขข้อผิดพลาดโดยกองทัพเรือ และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์”
นายชยพล กล่าวอีกว่า ทางสหรัฐฯ รอคำตอบจากกองทัพเรือไทยมาเกือบปี ซึ่งหมายความว่าตลอด 1 ปี กองทัพเรือเตะถ่วงเรื่องการกู้เรือและล่าช้าในเรื่องการสรุปข้อเท็จจริงที่ควรต้องชี้แจงให้ประชาชนและประเทศคู่ค้าด้วย ขณะที่ในวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ผบ.ทร. ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความร่วมมือกับกองทัพเรือสหรัฐฯ ว่าจะร่วมมือกันลงไปสำรวจซากเรือหลวงสุโขทัย ลงไปถ่ายรูปสำรวจเก็บหลักฐาน พร้อมตามหาผู้สูญหายอีก 5 นายและปลดอาวุธเรือ แต่พอพูดถึงเรื่องการกู้เรือ กลับไม่มีระบุว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ จะร่วมการกู้เรือครั้งนี้ หรือจะยังคงมีการกู้เรืออยู่หรือไม่
ทั้งที่กองทัพเรือได้เข้ามาชี้แจงในสภาฯ หลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าใน กมธ.การทหาร และกมธ.งบประมาณ 2567 ได้พูดถึงความตั้งใจจริงที่จะกู้เรือ โดยระบุความจำเป็นของการกู้เรือไว้ 3 ข้อ คือ (1) เพราะซากเรือขวางทางเดินเรือ (2) เพื่อตามหาผู้สูญหายอีก 5 นาย และ (3) เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการสรุปข้อเท็จจริง จึงจำเป็นต้องกู้อย่างเร่งด่วน เพื่อหาความจริงให้ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ และเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการล่มของเรือหลวงสุโขทัย จึงจะสามารถเปิดรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับประชาชนได้
นายชยพล กล่าวด้วยว่า ต้องกู้เรือเท่านั้นถึงจะเห็นความจริง ต้องกู้เรือเท่านั้นถึงจะเปิดเผยรายงานได้ เข้าใจได้ว่ากองทัพเรือไทยไม่สามารถกู้เรือได้เอง แต่ไม่เข้าใจตรงที่เมื่อมิตรประเทศอย่างสหรัฐได้มาถึงที่แล้ว ทำไมให้ช่วยไม่สุดทาง ทำไมถึงจบแค่การปลดอาวุธ แต่ไม่กู้จิ๊กซอว์นี้ขึ้นมา หรือมันเพราะว่า สัญญาการใช้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐ จะครอบคลุมแค่เฉพาะกับยุทโธปกรณ์ หากมีการปลดอาวุธแล้ว ก็จะสิ้นสถานะการเป็นยุทโธปกรณ์ในทันที ซึ่งแปลว่า จะกู้หรือไม่กู้ จะรู้หรือไม่รู้ความจริง ก็ไม่มีใครมาบังคับได้อีกแล้ว จึงต้องการย้ำว่าการกู้เรือเท่านั้นถึงจะเห็นความจริง ต้องกู้เรือเท่านั้นถึงจะเปิดเผยรายงานได้ เข้าใจได้ว่ากองทัพเรือไทยไม่สามารถกู้เรือได้เอง แต่ไม่เข้าใจตรงที่เมื่อมิตรประเทศอย่างสหรัฐฯ ได้มาถึงที่แล้ว เหตุใดไม่ให้สหรัฐฯ ช่วยอย่างสุดทาง ทำไมถึงจบแค่การปลดอาวุธ
“หรือเพราะว่าสัญญาการใช้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ จะครอบคลุมเฉพาะเมื่อตัวเรือยังดำรงสภาพการเป็นยุทโธปกรณ์ หากมีการปลดอาวุธแล้ว ก็จะสิ้นสถานะการเป็นยุทโธปกรณ์ทันที ซึ่งแปลว่า จะกู้หรือไม่กู้ จะรู้หรือไม่รู้ความจริง ก็ไม่มีใครมาบังคับได้อีกแล้ว JUSMAG จะไม่ได้ดูแลเรือหลวงสุโขทัยอีกต่อไป ชะตากรรมของเรือหลวงสุโขทัยจะอยู่ในมือของกองทัพเรือไทยเท่านั้น” นายชยพล กล่าว
นายชยพล กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ท่าทีของกองทัพเรือเอง ไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะยังกู้เรืออยู่หรือไม่ ขัดกับคำพูดตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องขอให้กองทัพเรือออกมายืนยันให้ชัด ว่าสรุปแล้วเราจะได้รู้ความจริงเมื่อใดกันแน่