'วิลาศ' ซัด ปภ.ดึงกลับงบจัดซื้อ ฮ.ดับเพลิง 949 ล้าน หลังอนุฯ ตัด จ่อยื่น ป.ป.ช.
“วิลาศ”จับตา “ปภ.” มหาดไทย เตรียมอุทธรณ์ กมธ.งบฯ 67 ดึงกลับจัดซื้อ “ฮ. KA32” มูลค่า 949 ล้าน หลังอนุฯ กมธ.ตัดทิ้ง จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ ชี้ของเก่าที่มี ใช้งานไม่คุ้ม ตั้งข้อสังเกตอธิบดี ปภ.รับราชการในบุรีรัมย์ 30 ปี "อนุทิน"ยอมรับ เจรจานายกฯ -แกนนำเพื่อไทย ขอไฟเขียว
4 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร และอดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลในการตั้งงบประมาณจัดซื้ออากาศยานปีกหมุน หรือเฮลิคอปเตอร์ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ว่า ตนเคยคัดค้านการตั้งงบเพื่อจัดซื้อ ฮ.รุ่น KA32 จากประเทศรัสเซีย เพื่อดับไฟป่า หรือเพลิงไหม้ตามอาคารสูง ในปี 2560 ซึ่งมีราคาแพงเกินจริง
ต่อมาในปี 2562 มีการจัดซื้อ ฮ.ดังกล่าว 2 ลำ ตั้งงบประมาณ ลำละ 931 ล้านบาท และในปี 2564 ได้ซื้อเพิ่มอีก 2 ลำ ตั้งงบประมาณ ลำละ 931 ล้านบาท แพงกว่าปี 2562 แค่ 2,000 บาท เท่ากับว่าปัจจุบัน ปภ.มี ฮ. จำนวน 4 ลำ แต่ไม่มีสถานที่จอด ต้องไปฝากจอดที่กองบินทหารบก จ.ลพบุรี โดยต้องมีนักบิน ช่างประจำเครื่อง และเจ้าหน้าที่รวม 7 คนต่อลำ ซึ่ง ฮ.รุ่นนี้มีศักยภาพในการบินสูงสุด 622 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาบินได้นานสุด 2.45 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่ามีการเสนอราคาโดยบริษัทเดียวแบบไม่มีคู่แข่ง จึงอยากถามว่า หากเกิดไฟไหม้ตามอาคารสูง หรือโรงงานใน กทม.และปริมณฑล กว่าจะรวมนักบิน ช่างประจำเครื่อง และเจ้าหน้าที่ได้ครบ 7 คนต่อลำ รวมถึงใช้เวลาบินจากลพบุรีเข้า กทม. อีกประมาณ 1 ชั่วโมง เท่ากับมีเวลาในการดับเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ มันคุ้มค่าหรือไม่
นายวิลาศ ระบุว่า ล่าสุดในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ปภ.ตั้งงบฯ ขอจัดซื้อ ฮ.รุ่นเดิมและยี่ห้อดังกล่าว อีก 1 ลำ ตั้งงบไว้ 949 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นงบฯ ผูกพัน 2 ปี ระหว่างปี 2567-2568 แบ่งเป็นปี 2567 จำนวน 142 ล้านบาท และปี 2568 อีก 806 ล้านบาท ทั้งที่คณะอนุกรรมาธิการ ด้านการปกครองท้องถิ่น ใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ได้พิจารณาตัดงบฯ ดังกล่าวทิ้งไปแล้ว
“ล่าสุด ผมทราบว่ามีการตกลงกันนอกรอบ โดยแนะนำให้ อธิบดี ปภ.ทำเรื่องขออุทธรณ์ เพื่อจัดซื้อ ฮ.ลำดังกล่าว ต่อกมธ.งบฯ 67 และได้มีการรับปากว่า กมธ.งบฯ 67 จะคืนงบดังกล่าวให้ จริงหรือไม่ ผมจึงจำเป็นต้องมาแถลง เพราะปกติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เมื่อถูกตัดในชั้นอนุ กมธ.แล้ว ก็จะตกไปเลย แต่กรณีนี้กลับมีการพูดคุยตกลงล่วงหน้าว่า ให้ทำเรื่องก่อนเข้า"
"ผมตรวจสอบประวัติการทำงานของอธิบดี ปภ.คนปัจจุบัน รับราชการใน จ.บุรีรัมย์มา 31 ปี ตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2566 ก่อนขึ้นเป็นอธิบดี ปภ. เป็นที่น่าสังเกตว่าการตัดงบฯ ในอดีต สส.พรรคเพื่อไทยที่เป็นกมธ. ก็จะตัดงบฯ จัดซื้อ แต่ครั้งนี้ต้องจับตาดูว่าจะได้แรงหนุนจากฝ่ายไหน ในการตั้งงบฯ จัดซื้อ ฮ.แพงเกินจริงครั้งนี้ มันคุ้มค่ากับการใช้งานหรือไม่ เนื่องจากมีประวัติการบินมาดับเพลิงเพียงครั้งเดียว คือที่บางพลี จ.สมุทรปราการ ผมจะทำเรื่องยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญต่อไป" นายวิลาศ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2567 ขณะให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ไฟป่าใน จ.เชียงใหม่ เมื่อถูกถามว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการงบประมาณฯ 2567 ได้ตัดงบฯ ซื้อเฮลิคอปเตอร์ของ ปภ.จะกระทบต่อการแก้ปัญหาไฟป่าหรือไม่ โดยนายอนุทิน ระบุว่า “เดี๋ยวจะทำเรื่องอุทธรณ์ และจะกลับไปชี้แจงในชั้นกรรมาธิการงบประมาณ”
พร้อมทั้งระบุว่า "ขณะนี้ ปภ. มีเฮลิคอปเตอร์อยู่ 4 ลำ ซึ่งความจริงเราต้องมี 6 ลำถึงจะครอบคลุม ซึ่งในงบประมาณปี 2567 เราจะขอ 1 ลำ แต่คณะอนุกรรมาธิการงบประมาณได้โหวตตัดออกไป ยืนยันว่าเฮลิคอปเตอร์นี้มีความจำเป็น เพราะนายกฯ ได้เร่งให้จัดหาอุปกรณ์ บรรเทาสภาวะหมอกควัน ฝุ่นพิษ ไฟป่า คงต้องขอความเมตตาต่อกรรมาธิการงบฯ ให้ช่วยพิจารณาใหม่ เฮลิคอปเตอร์ไม่ใช่แค่ดับไฟ เอาไปภารกิจต่างๆ ได้อีกเยอะ เช่น ผู้คนบาดเจ็บ การขนย้ายคน เจ้าหน้าที่ หรือชาวบ้าน หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยต่างๆ ซึ่งจะสามารถช่วยชีวิตผู้คนเหล่านั้น”
นายอนุทิน ยังตอบข้อถาม ถึงเหตุผลในการตัดงบฯ ของอนุ กมธ.ในการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวหรือไม่ อย่างไรว่า ตนไม่ได้ถามถึงเหตุผล เพราะไม่ได้อยู่ในที่ประชุม แต่ทราบว่าโหวตตัดงบฯเลย ตนได้กราบเรียนไปถึงนายกฯ รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯร นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ ในฐานะรองประธาน กมธ.งบประมาณฯ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งท่านยอมรับว่าไม่รู้เรื่องนี้ และรับปากว่าจะไปดูเรื่องนี้ให้
“การอุทธรณ์ จะต้องใช้เหตุและผลไปหักล้าง ซึ่งมีคนถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวใช่หรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะในส่วนของการทำงาน ผมไม่มีปัญหากับใคร ที่ผ่านมาทำงานกับทุกพรรค ทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี” นายอนุทิน กล่าว
ต่อข้อถามถึงมูลค่าของเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำนี้ นายอนุทิน ระบุว่า "ลำละ 4-5 ร้อยล้านบาท โดยจะของบฯในปี 2567 จำนวน 1 ลำ และในปี 2568 อีก 1 ลำ ซึ่งเป็นแผนของอธิบดี ปภ. ที่กำหนดไว้" รมว.มหาดไทย ระบุ