‘งูเห่า’ อนาคตใหม่-ก้าวไกล วิกฤติกระแสเลือดแท้สีส้ม
วิกฤติรอบนี้ จะเป็นบทพิสูจน์กระแสพรรคและอุดมการณ์ สส.อีกครั้งว่า จะกอดคอกันไปต่อ หรือฉวยจังหวะย้ายค่ายใหม่ที่มีออฟชั่นคุ้มค่า เพราะอาจเป็นโอกาสสุดท้าย หากตัดสินใจเป็น สส.งูเห่า
KEY
POINTS
- ย้อนมหากาพย์ตำนาน “งูเห่า” 4 ภาค ในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ยุค “อนาคตใหม่” ถึง “ก้าวไกล” มีไม่น้อยกว่า 20 คน
- เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะถูกขับออกจากพรรค หรือไม่สังฆกรรมกับพรรคต่อหลัง “อนาคตใหม่” โดนยุบ ต่างโยกย้ายไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสิ้น
- อย่างไรก็ดีในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 66 ไม่มี “งูเห่า” คนไหนได้เป็น สส. ทุกคน “สอบตก” แบบปราชัยย่อยยับคาสนามเลือกตั้ง
- ล่าสุด ท่ามกลางกระแสข่าว “ยุบพรรค” เกิดการปล่อยข่าว สส.ก้าวไกล บางคน ดอดไปพบ “บิ๊กป้อม” ที่บ้านพักย่านมีนบุรี จนปรากฎการณ์ “งูเห่า” กลับมาหนาหูอีกครั้ง
- บทเรียนราคาแพง “ก้าวไกล” ที่แม้พยายามเฟ้นหาตัวแทนผู้มีดีเอ็นเอ “อนาคตใหม่” แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ 100%
“สส.งูเห่า” ยังอยู่คู่การเมืองไทยมายาวนานนับสิบปี นักเลือกตั้งกลุ่มนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในเกมอำนาจมานักต่อนัก
ล่าสุดปรากฎการณ์นี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง พลันที่มีกระแสข่าวสะพัดว่า “สส.ก้าวไกล” หลายคน ลักลอบไปพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ท่ามกลางสถานการณ์ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” หลัง กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล” จากคดีล้มล้างการปกครอง
เรื่องนี้ พอจะมีมูลอยู่บ้าง เห็นได้จากสัญญาณที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มิได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าว แต่ตอบแบบอ้อม ๆ ว่า “เรามั่นใจว่าผู้แทนราษฎรที่ดี ก็คือผู้แทนราษฎรที่ดี เรื่องนี้ไม่สามารถมีใครไปบังคับใจกันได้ พรรคมีหน้าที่ต้องเตรียมทุกทางออกให้กับสมาชิก”
ขณะที่ “รังสิมันต์ โรม” แกนนำแถวหนึ่ง พรรคส้ม ที่ให้สัมภาษณ์ประเด็นนี้ ระบุว่ายังไม่พบ “หลักฐานอันน่าเชื่อถือ” ว่ามี สส.ก้าวไกล ไปพบ “บิ๊กป้อม” ที่บ้านพักในหมู่บ้านหรู ย่านมีนบุรี ชายขอบ กทม. แต่หากพบว่ามี สส.ก้าวไกลไปจริงๆ ก็คงต้องคุยกัน เพราะ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ใช่รัฐมนตรี จะไปหาก็ต้องชี้แจงว่า ไปด้วยสาเหตุอะไร
ปัญหา“สส.งูเห่า”เป็นปัญหาใหญ่ของ“พรรคส้ม”มาตั้งแต่ยุค “อนาคตใหม่”ลามมาถึง“ก้าวไกล” เพราะสไตล์การหาเสียงของพรรคที่อยู่ในโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เน้น “กระแส” เหนือ “กระสุน” ชูอุดมการณ์ทางการเมืองเข้มข้น มากกว่าปัญหาปากท้องทางเศรษฐกิจ ทำให้โดนใจ
“คนรุ่นใหม่-หัวก้าวหน้า” จำนวนไม่น้อย ที่รู้สึก “อกหัก” กับ “พรรคเพื่อไทย” จนย้ายมาเป็น “ด้อมส้ม” หลายจังหวัดใหญ่ ๆ โดยเฉพาะใน “เขตเมือง” ที่สาธารณูปโภคครบครัน ส่วนใหญ่มักเป็นกองเชียร์พรรคส้มแทบทั้งนั้น
แต่กลับกลายเป็น “ช่องโหว่” ให้บรรดา “นักการเมืองท้องถิ่น” หลายคนขออาศัย “เกาะกระแส” มาขอสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระดับ “ท้องถิ่น” จนถึง “ระดับชาติ” บางคนไม่ได้มีอุดมการณ์ตามแนวทางพรรคอย่างแท้จริง แค่อยากอาศัยพรรคเป็น “บันไดขั้นแรก” บนถนนการเมือง กอบโกยชื่อเสียงเงินทองเท่านั้น
เรื่องนี้ “บิ๊กเนมสีส้ม” หลายคนให้สัมภาษณ์ ทั้งหน้าไมค์-หลังม่าน ยอมรับข้อเท็จจริงว่า ในการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.อนาคตใหม่นั้น เป็นการคัดสรรอย่างรีบเร่ง เพราะพรรคเพิ่งจัดตั้งไม่นาน และใกล้จะมีการเลือกตั้ง 2562 แล้ว ส่งผลให้มีบรรดา “งูเห่า” เข้ามาซ่องสุมเป็นจำนวนมาก บางคนแผลงฤทธิ์กลางสภาฯ จนโดนขับออกจากสมาชิกพรรค บางคนรอหมดสมัยก่อนค่อยย้ายพรรค ไปลงเลือกตั้ง 2566 เป็นต้น
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2566 ที่ผ่านมา “ชัยธวัช” ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า รอบนี้เรามีเวลาพิจารณา กระบวนการทดลองการทำงานก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่จริง ๆ และส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการ ตรงนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาไปได้ระดับหนึ่ง คราวนี้เราให้ทีมงานในพื้นที่มีส่วนร่วมประเมิน และทำงานกับผู้สมัคร ส.ส. อย่างใกล้ชิดด้วย
ส่วนในระยะยาวสิ่งที่จะต้องทำให้ได้ คือการสร้างนักการเมืองของพรรค มีกระบวนการที่เรามีความมั่นใจขึ้นมา ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องรอเป็นการรับสมัครเป็นครั้ง ๆ ไป
ที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ถึงก้าวไกล มี “สส.งูเห่า” เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 รอบ
รอบแรก คือ 5 สส.อนาคตใหม่ ได้แก่ ศรีนวล บุญลือ สส.เชียงใหม่ กวินนาถ ตาคีย์ สส.ชลบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา สส.จันทบุรี และจารึก ศรีอ่อน สส.จันทบุรี ลงมติสวนทางกับพรรคหลายครั้ง สุดท้าย “ก้าวไกล” มีมติขับพ้นพรรค แต่ละคนแยกย้ายไปสังกัดพรรคขั้วรัฐบาลทั้งสิ้น
ต่อมามี สส.อนาคตใหม่ อีกอย่างน้อย 10 คน สวนมติพรรคโหวตไว้วางใจ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แต่พรรคไม่ได้ลงโทษถึงขั้นขับออก เพราะหวั่นจะไปเป็นกำลังให้ฝ่ายรัฐบาลในสภาฯ
หลังจากนั้นไม่นาน พรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ ทำให้ต้องโยกย้าย สส.ที่เหลือมาสังกัด “พรรคก้าวไกล” ในช่วงเวลาดังกล่าว จึงเป็นโอกาสของ สส.หลายคน ไม่ตามมาด้วย แต่โยกย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลแทน ส่งผลให้ก้าวไกลเหลือ สส.ในสภาฯแค่ 65 คน
ต่อมาปรากฎการณ์ “สส.งูเห่า” เกิดขึ้นอีกครั้ง ในนาม “พรรคก้าวไกล”โดยตรง มี สส.อย่างน้อย 4 คน โหวตสวนมติพรรค โดยลงมติเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท
จึงได้เห็นว่า ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 จาก “อนาคตใหม่” สู่ “ก้าวไกล” มี สส.งูเห่า ไม่น้อยกว่า 20 คน
อย่างไรก็ดี เหตุผลของ สส.งูเห่าเหล่านี้ บางส่วนอ้างว่า เป็นเพราะพรรคก้าวไกลฉาบด้วยเปลือกอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่ไส้ในเป็น “เผด็จการ” โดยมี “กลุ่มคนบงการ” บน“หอคอยงาช้าง” อยู่หลังม่าน
หลังจากนั้นบรรดา สส.งูเห่าเหล่านี้ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2566 สังกัดพรรคร่วมรัฐบาลเดิมแทบทั้งสิ้น แต่ไม่มีใครกลับเข้ามาได้แม้แต่คนเดียว
เรียกได้ว่า “สอบตกทั้งพวง” จน “ก้าวไกล” ฉวยเอามาใช้เป็นมอตโต้หาเสียงว่า คือ “บทเรียนสั่งสอน” จากคนที่ทรยศอุดมการณ์ของประชาชน
เหลือเพียงคนเดียว ที่ยังได้รับโอกาส ถูกผลักดันให้ขึ้นมามีบทบาทบนเส้นทางการเมืองต่อคือ “คารม พลพรกลาง” อดีตทนายความคนเสื้อแดง อดีตแกนนำแถวหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันสังกัดพรรคภูมิใจไทย และได้รับการปูนบำเหน็จเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใน “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน”
ทั้งหมดคือเหตุการณ์ “งูเห่า” ที่เกิดขึ้นกับ “พรรคส้ม” ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แม้ในการเลือกตั้ง 2566 บิ๊กเนมก้าวไกลจะเคยยืนยันว่าพรรคได้คัดสรรตัวผู้สมัครอย่างเข้มข้น ทุกคนมีดีเอ็นเอของอนาคตใหม่ทั้งสิ้น และมีการจัดสัมมนาตอกย้ำอุดมการณ์ สส.หลายครั้ง ที่สนามกอล์ฟของตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” จึงเชื่อว่าโอกาสเกิด “งูเห่าภาค 4” น่าจะแทบเป็นไปไม่ได้
มาถึงจุดเปลี่ยนของพรรคสีส้มอีกครา สถานการณ์จะเป็นไปอย่างที่มั่นใจหรือไม่ เมื่อ“ก้าวไกล”ต้องเผชิญคดี“ยุบพรรค” เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี
วิกฤติรอบนี้ จะเป็นบทพิสูจน์กระแสพรรคและอุดมการณ์ สส.อีกครั้งว่า จะกอดคอกันไปต่อ หรือฉวยจังหวะย้ายค่ายใหม่ที่มีออฟชั่นคุ้มค่า เพราะอาจเป็นโอกาสสุดท้าย หากตัดสินใจเป็น สส.งูเห่า