ลูกน้อง 'บิ๊กโจ๊ก' แฉแหลกบัญชี 'นายพล ต.-ครอบครัว' โยงเว็บพนัน
ทนาย"บิ๊กโจ๊ก"แถลงปัดไม่เกี่ยวเว็บพนัน BNK MASTER เลี่ยงไม่ตอบจะไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ เซอร์ไพร์สลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก"โผล่เปิดปากครั้งแรกบัญชีแฉเส้นทางการเงิน 'นายพล ต.-ครอบครัว' โยงเว็บพนัน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 มี.ค.2567 ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ สุขุมวิท 22 นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ พร้อมนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของ 'บิ๊กโจ๊ก' พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีศาลอาญา ออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลังพบความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีเว็บพนัน BNK Master โดยมีกำหนดนัดหมายที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า ภายหลังทีมทนายความได้แถลงข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังคงมีความพยายามออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปรับทราบข้อกล่าวหา วันนี้พวกตนได้รับมอบอำนาจให้เป็นคณะที่ปรึกษากฎหมายจากบิ๊กโจ๊ก เพื่อแถลงข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกับความจริง ไม่ว่าจะเรื่องการทำบุญทอดกฐินพระราชทาน และการซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.โดยจะชี้แจงในลำดับถัดไป
นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงทางการเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับเว็บพนัน BNK Master ทีมทนายความได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน และบัญชีทั้งหมด 34 บัญชี และสอบถามกับเจ้าตัวพร้อมเอกสารประกอบก็ไม่พบความเชื่อมโยงแต่อย่างใด แต่กลับมีความพยายามนำไปผูกโยงกับคดีเว็บพนันมินนี่ ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งพบว่า เส้นทางการเงินของผู้ต้องหาในคดีมินนี่ มีบัญชีของ น.ส.พิมพ์วิไล แอดมินผู้ทำเว็บ เชื่อมโยงกับบัญชีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีต รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก และยังมีการโอนเงินจาก น.ส.พิมพ์วิไล กว่าสิบล้านบาท ไปยังผู้ต้องหาในคดีเว็บ BNK MASTER ของ สน.เตาปูน ดังนั้นคดีนี้จึงเกี่ยวข้องกับคดีมินนี่ ที่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของ ป.ป.ช.ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ
นายณัฐวิชช์ กล่าวต่อมา และได้ตั้งข้อสังเกตว่า วงเงินหมุนเวียนในบัญชีของคดีเว็บ BNK MASTER รวมกว่า 400-600 ล้านบาท ยังเข้าข่ายความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แต่กลับไม่มีการส่งเรื่องไปให้ และในคดี BNK MASTER ยังมีบัญชีของตำรวจรวมอยู่ด้วย แต่กลับออกหมายจับเพียงบางราย มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลใด ทำตัวเหมือนอินทรีเลือกเหยื่อหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องขอความเป็นธรรมในการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนมาแล้วถึง 3 ครั้ง เพราะเกรงว่าจะทำงานอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมา ซึ่งได้ทำเรื่องร้องขอไปยัง ป.ป.ช.ในการดูแลคดีแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไปรายงานตัวตามหมายเรียกหรือไม่นั้น เจ้าตัวยังไม่ได้ตอบรับแต่ทีมทนายจะพิจารณาว่าคณะทำงานของคดีนี้มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนทางคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมี เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไปแล้ว
นายวราชันย์ กล่าวว่า กรณีการนำเสนอข่าวพบใบอนุโมทนาบัตรในชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่บริจาคเงินวัดศาลาปูน 2 แสนบาทเกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีม้าฟอกเงินหรือไม่นั้น พบว่าข้อมูลของเอกสารฉบับนี้ถูกนำมาเผยแพร่หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเข้าตรวจค้นจับกุม พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้ยึดเอกสารต่างๆ ในรถของผู้ต้องหา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงสั่งให้ผู้ใกล้ชิดตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า บัญชีที่มียอดตรงกับใบอนุโมทนาบัตรฉบับนี้ เป็นบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ใช้อยู่ ซึ่งได้สอบถามกับเจ้าตัวระบุว่า รายการโอนเงินดังกล่าว เกิดขึ้นวันที่ 9 ก.ย.2565 ซึ่งมี น.ส.หลุ่ย มอบเงินสดส่วนตัวให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ นำไปใช้ทำบุญทอดกฐินกับวัดศาลาปูน โดย น.ส.หลุ่ย ให้ น.ส.จุ๊บแจง เลขาฯ ส่วนตัว ส่งรายชื่อกับข้อมูลส่วนตัวต่อ พ.ต.ท.คริษฐ์ ผ่านไลน์ ไปยื่นแก่วัดศาลาปูนเพื่อออกใบอนุโมนาบัตรแก่ น.ส.หลุ่ย ต่อมา พ.ต.ท.คริษฐ ได้โอนเงินพร้อมส่งสลิปการโอนเงินไปให้พระอาจารย์ในวัดศาลาปูน เพื่อร่วมทำบุญตามความประสงค์ และภายในวันเดียวกัน วัดศาลาปูนได้ออกใบอนุโมทนาบัตรในชื่อของ น.ส.หลุ่ย
นายวราชันย์ กล่าวต่อว่า สำหรับใบอนุโมทนาบัตรของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น ลงวันที่ 29 ต.ค.2565 ในวันทอดกฐินพระราชทานที่เจ้าตัวเดินทางไปร่วมทำบุญด้วยตัวเอง พร้อมมอบเงินสดส่วนตัวกับเงินที่ได้รวบรวมมา ไปทำบุญให้วัดศาลาปูน ก่อนจะออกใบอนุโมทนาบัตรในวันเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ทีมทนายความกำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้เกี่ยวข้องที่นำข้อมูลมาเผยแพร่ เนื่องจากใบอนุโมทนาบัตรดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำเงินที่ได้จากเว็บการพนันไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในราคา 13,100 บาท ทีมทนายได้ตรวจสอบแล้ว พบเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ จำนวน 3 ที่นั่งของเจ้าตัว ภรรยาและบุตร ที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายตั๋ว เพื่อเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ โดยเดินทางไปวันที่ 11 มี.ค.2565 กลับวันที่ 13 มี.ค.2565 ซึ่งมีหลักฐานการสนทนาซื้อตั๋วกับตัวแทนผ่านทางไลน์ เชื่อว่าชุดจับกุม พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้ยึดโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวเอาไว้ ก่อนมีการนำเสนอข่าวนี้ไปเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.แต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 11.45.น. พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีต ผบก.ศฝร.บช.น.เผยว่า ในฐานะผู้ต้องหาของคดีมินนี่ ขอชี้แจงถึงความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินของ น.ส.พิมพ์วิไล แอดมินเว็บ BNK MASTER ซึ่งพบว่า ในแถวหนึ่งพบความเชื่อมโยงไปยังบัญชีของ นายพล “ต.” ภรรยา “ก.” พี่สาว “จ.” พี่ชาย “ช.” ซึ่งเหตุที่ตนตกเป็นผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากการที่ตนได้ทำสำนวนคดีเป้รักผู้การ ใน จ.ชลบุรี เรียกเงินเว็บพนันกว่า 100 ล้านบาท โดยการสืบสวนในครั้งนั้น พบว่ามี พ.ต.อ.“ด.” มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมาย และยังมีธุรกรรมทางการเงินไปยังบุคคลอื่นอีกหลายราย โดยจำนวนหนึ่งพบเป็นตำรวจหญิง 2 นาย ที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจระดับสูง รวมถึงการทำคดีกำนันนก ซึ่งสาเหตุที่ตนออกมาพูดครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะและโอกาส ตอนนี้ไม่กังวลแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมน้อมรับ
ส่วนประเด็น พ.ต.ท.คริษฐ์ ใช้บัญชีม้าทำธุรกรรมการเงินนั้น หากเป็นบัญชีม้าจริง เข้ามาก็ต้องถอนเงินสดออกหมดไม่ให้เห็นเส้นทาง แต่กรณีนี้มีเส้นทางการเงินให้เห็นทั้งหมด และย้ำว่า ตนไม่ได้รู้จักกับ น.ส.มินนี่ จึงจะไปเรียกรับเงินได้อย่างไร สำหรับการแจ้งความดำเนินคดีกับ ผบ.ตร.ก็ถือเป็นการใช้สิทธิ์ เพราะในตนได้รับโอนเงินจาก พ.ต.ท.คริษฐ์ เพียง 9 ครั้งก็ต้องเป็นผู้ต้องหา แต่ในคดียังมีตำรวจบางนายที่รับโอนเงินมากกว่า แต่กลับไม่ตกเป็นผู้ต้องหา