อยู่ต่ออยู่ยาว แผนลึกหลังม่าน ‘เศรษฐา’ชิงแต้ม เด้ง ‘ต่อ-โจ๊ก’
ไทยคู่ฟ้าการละคร จับตา“ต่อศักดิ์-สุรเชษฐ์”เข้ากรุยาว “เศรษฐา”โกยแต้มสยบศึกบิ๊กตำรวจ สกัดแผนฝ่ายค้าน-สว.ถล่มล้มเหลวคุม ตร. จับตาแผนผู้นำหลังม่าน ชงรักษาการ ผบ.ตร.รอคิวขึ้นประมุขกรมปทุมวันปลายปีนี้
KEY
POINTS
- ไทยคู่ฟ้าการละคร จับตา“ต่อศักดิ์-สุรเชษฐ์” เข้ากรุยาว
- “เศรษฐา”โกยแต้มสยบศึกบิ๊กตำรวจ สกัดแผนฝ่ายค้าน-สว.ถล่มล้มเหลวคุม ตร.
- จับตาแผนผู้นำหลังม่าน ชงรักษาการ ผบ.ตร.รอคิวขึ้นประมุขกรมปทุมวันปลายปีนี้
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเป็นประธานในการมอบนโยบายให้กับตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาจากทั่วประเทศ วันที่ 21 มี.ค .2567
มีบางคำพูดของนายกฯ เศรษฐา เกี่ยวกับการเด้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เข้าทำเนียบฯ ว่า มีความยากและลำบากใจอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องทำ
“ผมขอสั่งให้ยุติการให้ข่าว เกี่ยวกับเรื่องทั้งสองท่าน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปข้างหน้า เพื่อให้เกิดความถูกต้องและความเป็นธรรมกันทั้งสองฝ่าย”
มีรายงานข่าวว่า นายกฯเศรษฐา ใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจเด้งบิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊กเข้ากรุพร้อมกัน เนื่องจากเศรษฐา เคยเป็นซีอีโอบริษัทเอกชนมาก่อน มีสไตล์การบริหารรวดเร็วฉับไว
อดีตนักการเมืองบางคน ถึงกับยกย่องเศรษฐาว่า กล้าหาญมากในกรณีการย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เข้าทำเนียบฯ เพราะคนทั้งประเทศรู้กันว่า บิ๊กต่อมีที่มาที่ไปอย่างไร จึงผงาดขึ้นเป็น ผบ.ตร.
ดังนั้น นักร้องขาประจำจึงใช้คำว่า มีอำนาจมืดอยู่เบื้องหลังการเด้ง 2 บิ๊กตำรวจ พร้อมเตรียมแถลงข่าวเรื่องนี้ในวันที่ 21 มี.ค. 2567 แต่สุดท้ายก็ยกเลิกการแถลงข่าวไปดื้อๆ
หลายคนจึงเชื่อว่า ก่อนที่ “ต่อเฟรนด์ลี่” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะโชว์หวานออกสื่อ จูบปากเซ็ตซีโร่ คงมีใครบางคนได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว
มีข้อสังเกตว่า การแต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นรักษาการ ผบ.ตร. ในความจริงไม่มีระเบียบว่า ต้องเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโส ลำดับที่ 2 จะตั้งใครก็ได้ในจำนวน รอง ผบ.ตร.ที่เหลืออยู่
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ขีดเส้นใต้ชื่อ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ในฐานะเต็งหนึ่ง ผบ.ตร.คนต่อไป หลังบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ
ในมุมการเมือง ช่วงนี้ เศรษฐา ทวีสิน มีศึกใหญ่ในสภาฯ 2 ยกที่ว่าด้วยการซักฟอกทั่วไป แม้ไม่ได้มีการลงมติ แต่ก็เป็นการชำแหละรัฐบาลผ่านกระบวนการรัฐสภาที่จะมองข้ามไปไม่ได้
ยกแรกคือ วันที่ 25 มี.ค. 2567 ญัติติขออภิปรายทั่วไป ของสมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติตามมาตรา 153
ยกที่สอง วันที่ 3-4 เม.ย. 2567 ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152
ปฏิบัติการสยบความขัดแย้งในกรมปทุมวันของนายกฯเศรษฐา ด้วยการเด้งบิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊กเข้ามาช่วยราชการสำนักนายกฯ เท่ากับเป็นการสกัดเกมซักฟอกของ สว.และฝ่ายค้าน ประเด็นความล้มเหลวในกำกับดูแล ตร.
อย่างไรก็ตาม สว.และ สส.ฝ่ายค้าน คงหยิบยกปัญหาบิ๊กตำรวจทะเลาะกันมาอภิปรายแน่นอน แต่การเด้งคู่ขัดแย้งเข้ากรุ คงทำให้นายกฯเศรษฐา สามารถยืดอกพูดได้แบบเท่ๆ กลางสภาฯ ว่า นี่คือการแสดงภาวะผู้นำที่ฉับไวและเด็ดขาด
แม้ทั้งบิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊ก จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแสดงปาหี่หรือการละคร แต่ทั้งคู่ก็ต้องเล่นไปตามบท เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังเหลืออายุราชการประมาณ 190 วัน แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีเวลาเหลือเกือบ 7 ปี จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งเฉพาะหน้านี้ ก็ต้องลุ้นว่า ทั้งคู่จะได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในระยะ 60 วัน ตามที่นายกฯเศรษฐา ระบุหรือไม่
เนื่องจากการโอนมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ระยะเวลา 60 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบเรื่องที่มีข้อขัดแย้งทุกเรื่องทุกคดีที่มีการกล่าวโทษกัน ให้แล้วเสร็จ
มีคนวาดฉากทัศน์การเมืองในกรมปทุมวัน มีความเป็นไปได้ บิ๊กต่ออาจจะต้องอยู่สำนักนายกฯ ยาวไปจนเกษียณอายุราชการ และบิ๊กโจ๊ก อาจอยู่ยาวไปกว่านั้น
หากการข่าวของ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ระบุว่า มีอดีต ผบ.ตร.พา“บิ๊กต่าย”ไปพบผู้ทรงอิทธิพล เมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค.นี้ เป็นจริง
เท่ากับว่า โชควาสนาหล่นทับรอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 2 ที่ได้นั่งรักษาการ ผบ.ตร.ไปจนถึงเดือน ต.ค.นี้ และก้าวขึ้นเป็น ผบ.ตร.