ดีลลับ‘ก้าวไกล’หลบ‘เพื่อไทย’ ปมลึกศึกท้องถิ่นหักบ้านใหญ่
ฝ่ายอนุรักษนิยมเปลี่ยนหมาก สลับตัวละครมาเดินนำเกม แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ศัตรูตัวจริงของฝ่ายขวา ก็คือ ก้าวไกล ที่กระแสแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามเพิ่มยาแรงมากำราบมากขึ้นเท่านั้น
Key Points
- สถานการณ์ของก้าวไกล และ บ้านใหญ่บางหลัง เวลานี้มีอันต้องเดินทางใครทางมันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อติดเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ขนหัวลุก
- การเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ของก้าวไกล ที่ไม่ใช่คนในเครือข่ายบูรณุปกรณ์ อาจจะมีดีลลับที่ใครก็คาดไม่ถึง
- ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่สลับตัวละครมาเดินนำเกม กำราบความร้อนแรงของก้าวไกล ที่กระแสแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระตุ้นฝ่ายตรงข้ามต้องเพิ่มยาแรงมากเท่านั้น
สถานการณ์ภายใน“พรรคก้าวไกล”เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ชนิดที่คนภายนอกก็อาจคาดไม่ถึง
ในจังหวะที่เผชิญเกมยุบพรรค จากผลพวงการเดินหน้าแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง และการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่กำลังลุ้นศาลรัฐธรรมนูญ จะรับไว้วินิจฉัยเมื่อไหร่
ควบคู่กับจังหวะที่การเลือกตั้งนายก อบจ. ใกล้จะมาถึงประมาณต้นปี 68 การจัดทัพวางตัวผู้สมัครเสื้อส้มลงชิงชัยในจังหวัดเป้าหมาย ก็มีความคืบหน้าและคึกคักอยู่ตลอด
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือการหมายตาบรรดา“บ้านใหญ่” ตามที่คีย์แมนก้าวไกล เห็นว่าจะช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ขาด แต่มาถึงวันนี้ บ้านใหญ่บางหลังตัดสินใจยูเทิร์นหักเลี้ยวกลับ
เหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ เมื่อลงรายละเอียดการทำงานเชิงลึกแล้ว พบว่าแนวคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในหลายมิติ ชนิดที่จูนกันอย่างไรก็ไม่มีวันประสานกันได้
เมื่อคีย์แมนสำคัญของก้าวไกล 2 คน คนหนึ่งเป็นชาย อีกคนเป็นหญิง ปักใจเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า สิ่งที่ทำให้“ก้าวไกล”มาถึงจุดที่เข้าโซนยุบพรรค คือกุญแจแห่งความสำเร็จที่ทำให้พรรคได้ สส.มากที่สุดในการเลือกตั้งปี 66
พูดง่ายๆ ความมุ่งหมายในส่วนนั้นของแกนนำแถวหน้ายังเต็มเปี่ยม และพยายามผลักดันให้คนของบ้านใหญ่บางส่วนที่ร่วมโต๊ะเจรจา มาช่วยลงแรงในเรื่องนี้ จนทำเอาผวา ขนหัวลุกกันทั้งบาง
เพราะคนบ้านใหญ่คิดว่า กรณีที่ก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้ ว่ามีพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ล้มล้างการปกครอง จะเป็นตัวยับยั้งให้ลดเพดานบินในทางการเมือง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
ในทางกลับกัน ยิ่งจะเป็นแรงกระตุ้นความมุทะลุด้วยซ้ำ ยังไม่ทันที่บ้านใหญ่จะได้ร่วมงานกันจริงจัง ก็มีอันต้องแยกย้าย ทางใครทางมัน ตามแต่ใครจะเรียก ทั้งก้าวไกลปฏิเสธบ้านใหญ่ หรือบ้านใหญ่หันหลังให้ก้าวไกล
ว่ากันว่า เหตุผลสำคัญ คือเงื่อนไข ม.112 นั่นเอง
หนึ่งในนั้นคือบ้านใหญ่โคราช ตระกูลรัตนเศรษฐ ก็น่าจะปิดประตูก้าวไกลไปเรียบร้อย จากนี้ก็คงต้องดีดลูกคิดประเมินลู่ทางข้างหน้ากันใหม่
นอกจากนั้น ศึกนายก อบจ.เชียงใหม่ ยังมีเงื่อนไขที่ลึกลับซับซ้อนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองที่มีส่วนได้ส่วนเสีย
เป็นที่ทราบกันดีว่า 2 สนามท้องถิ่นในเชียงใหม่ คือตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายก อบจ.เชียงใหม่ เป็นเดิมพันที่ทักษิณ ชินวัตร แพ้ไม่ได้
คู่แข่งตัวฉกาจสนามนี้ หนีไม่พ้นก้าวไกล ที่ตัดสินใจส่ง พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ชิงเก้าอี้นายก อบจ.เชียงใหม่ ในนามพรรค
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น มีชื่อแคนดิเดตคนในเครือข่ายของบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ ทั้ง ไพรัช ใหม่ชมภู อดีตรองนายกฯ อบจ.เชียงใหม่ ลูกทีมของบุญเลิศ ในกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ผู้เป็นพ่อของ สส.เชียงใหม่ เขต1 ก้าวไกล อย่างพลอย เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู
หรือแม้แต่ กุ้ง ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส.เชียงใหม่ ที่ตัดสินใจทิ้งเพื่อไทยมาสักพักใหญ่ ก็เคยถูกจับตามองว่าก้าวไกลจะส่งเป็นผู้สมัคร
แต่การกลับตาลปัตร เมื่อเบื้องลึกมีการพูดกันหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ว่า ดีลระหว่างผู้นำจิตวิญญาณ 2 ฝ่ายลงตัว เพื่อจำกัดเส้นทางเดินของกลุ่มการเมืองที่ท้าทายนายใหญ่
เมื่อฝ่ายแดงมีเงื่อนไขไปถึงฝ่ายส้ม ทำนองว่า ต้องไม่ส่งคนในเครือข่าย หรือมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับคนในตระกูลบูรณุปกรณ์ ลงในสีเสื้อก้าวไกล เพราะจะยิ่งสร้างความแข็งแกร่งคูณ 2 จนสั่นคลอนเพื่อไทย
ท่ามกลางดีลลับฮ่องกง ที่เคยถูกพูดถึงในช่วงฝุ่นตลบตอนจัดตั้งรัฐบาล ก็เริ่มกลับมาพูดถึงกันอีกครั้ง หลังจาก สว.หมดวาระ จะเขย่าขวดใหม่ ปรับองค์ประกอบของพรรคร่วมรัฐบาล
ทำเอา“บิ๊กก้าวไกล”ตัวจริงใจฟู เคลิ้มไปกับการโปรยยาหอมของผู้มีอำนาจคนสำคัญของรัฐบาล จนอาจมีผลต่อการตัดสินใจส่งคนลงสู้ในสังเวียนท้องถิ่นเชียงใหม่
การเดินเกมของก้าวไกล ยังต้องฝ่าด่านหินอีกมากมาย ทั้งการรวบรวมกำลังพล หรือพวกต่างพรรค ในการชิงเก้าอี้นายก อบจ. รวมถึงการปิดดีลต่างๆ จะส่งผลบวกหรือลบกับก้าวไกลในระยะกลางถึงระยะยาวเพียงใด
ในวันที่ฝ่ายอนุรักษนิยมเปลี่ยนหมาก สลับตัวละครมาเดินนำเกม แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ศัตรูตัวจริงของฝ่ายขวา ก็คือ ก้าวไกล ที่กระแสแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามเพิ่มยาแรงมากำราบมากขึ้นเท่านั้น