ผ่าสาย ‘ชินวัตร’ ‘รัฐมนตรี’วิ่งรักษาเก้าอี้ ?
ต้องจับตาว่า “รัฐมนตรี” ที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ถูกปรับพ้นครม. หากมีใครอยู่รอดได้ไปต่อ อาจจะถูกจัดอยู่ใน “เด็กชินวัตร” สายแข็ง ไม่เน้นผลงาน แต่เน้นบริหารคอนเนกชัน
Key Point :
- การปรับครม.เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย หลายโผเริ่มนิ่ง แต่ยังมีความเคลื่อนไหวของ "รัฐมนตรี" บางคนที่ต้องการรักษาเก้าอี้อำนาจ
- "นายกฯ เศรษฐา" ส่งสัญญาณตรงๆปราม "รัฐมนตรี" วิ่งเต้น หากไม่มีมูลความจริงระดับผู้นำคงไม่ออกมาให้ข่าวด้วยตัวเอง
- ตระกูลชินวัตร ที่แบ่งออกเป็นหลายสาย แม้ "ทักษิณ" จะเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมือง แต่ยังเกรงใจ "น้องสาว" จึงต้องแชร์อำนาจแบ่งโควตารัฐมนตรี
การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย รัฐมนตรีเสี่ยงตกเก้าอี้ ย่อมรู้ตัวดี บางคนยอมถอยเข้าเซฟโซน เพื่อให้มีตำแหน่งแห่งหนในอนาคต บางคนตั้งป้อมสู้หวังรักษาเก้าอี้เสนาบดีเอาไว้กับตัวเอง
สัญญาณจาก “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน สั่งห้ามรัฐมนตรี “วิ่งเต้น” เก้าอี้อำนาจ ไม่มีมูลความจริง ผู้นำระดับนายกฯคงไม่ออกมาให้ข่าวด้วยตัวเอง
“ถ้าเกิดปรับครม.ก็ทราบกันเอง อย่าให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อหวั่นไหวเลย ผมว่าเร่งทำงานกันดีกว่า แทนที่ต้องวิ่งเต้นวิ่งเส้นมาหาท่านนั้นท่านนี้ ผมว่าบอกตรงๆ ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน”
ความในใจของ “เศรษฐา” สะท้อนภาพการแบ่งสาย-แบ่งอำนาจ ภายในตระกูลชินวัตร แม้คนกดปุ๋มคนสุดท้ายจะชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ศูนย์รวมอำนาจทางการเมือง แต่ “บิ๊กเพื่อไทย” รู้ดีว่าบรรดา “นายหญิง-น้องหญิง” ต่างมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ “ทักษิณ”
ต้องยอมรับว่า “ครม.เศรษฐา 1” มีการต่างตอบแทน “คนทำงานหน้าฉาก” ยอมแอ่นอกรับกระสุนแทน “นายใหญ่-นายหญิง” โดยเฉพาะช่วงพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล
ชื่อของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารสุข และ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จึงจัดอยู่ในประเภทครม.แต๊งค์กิ๊ว ในโควตาของพรรคเพื่อไทย ตอบแทนคุณงามความดี ทำให้เก้าอี้ไม่มั่นคง
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า “ชลน่าน-สุทิน” มีปัญหาในการบริหารงานกระทรวง เนื่องจาก “ทีมหลังบ้าน” พ่นพิษ มีข้อมูลหลายชุดถูกแทงตรงไปยัง “ตึกไทยคู่ฟ้า” มีบางเรื่องถูกส่งตรงไป “บ้านจันทร์ส่องหล้า”
ส่งผลให้สถานะรัฐมนตรีของ “ชลน่าน-สุทิน” อยู่ในภาวะตกที่นั่งลำบาก ที่สำคัญไม่มีแบ็คอัพคอยเป็นเกราะป้องกัน
แตกต่างรัฐมนตรีที่อยู่ในโผถูกปรับออกรายอื่น ซึ่งถูกจัดสถานะให้เป็น “เด็กนาย” เมื่อเก้าอี้สั่นคลอน จึงต้องพึ่งพาอาศัย “นาย” ให้เป็นเกราะคุ้มกัน
สายอดีตนายกฯปู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชื่อของ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดดเด่นกว่าใคร ถูกจัดให้อยู่ในโควตา “นายหญิงพลัดถิ่น”
มีกระแสข่าวว่าหลุดออกมาหลายครั้งว่า “เศรษฐา” ไม่แฮปปี้กับสไตล์การทำงานของ “พวงเพ็ชร” แต่มี “ยิ่งลักษณ์” คอยประคับประคองไม่ให้สถานการณ์เดินเข้าสู่จุดแตกหัก
อีกคนที่จัดอยู่ในโควตา “ยิ่งลักษณ์” หนีไม่พ้น “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” รมว.วัฒนธรรม เนื่องจาก ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช มีความสัมพันธ์ที่กับทีมก่อตั้งอดีตพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งอยู่ในก๊วน “ยิ่งลักษณ์” มาก่อน
กระแสข่าว “เสริมศักดิ์” เตรียมสลับไปนั่งเก้าอี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จึงถูกเชื่อมโยงมาถึงตัว “ยิ่งลักษณ์” ที่อาจจะมีใครบางคนเปิดดีลหวังอัพเกรดเก้าอี้รัฐมนตรี
ด้าน “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นั่งรมว.วัฒนธรรม แม้ “รมว.ปุ๋ง” จะถูกจัดอยู่ในสายแข็ง มี สส. ในคาถาของ “เสี่ยแป้ง” วีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล คอยเป็นแบ็คอัพให้
แถมยังมี “นายทุน” ระดับบิ๊กคอยสนับสนุน แต่พรรษาทางการเมืองยังน้อย เจอลูกเขี้ยวลากดินของ “บิ๊กข้าราชการ” ทำเอา “สุดาวรรณ” ไปไม่เป็น “นายใหญ่” จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนคน เพื่อคอนโทรลการทำงานให้ราบรื่นขึ้น
ส่วนสาย “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เห็นเด่นชัดคือ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย และ ไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งคู่ปรากฏตัวกลางงานเลี้ยงที่บ้าน “เยาวภา” ระหว่างที่ “ทักษิณ” เดินทางกลับเชียงใหม่ทั้งสองครั้ง
อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่า “เยาวภา” ควงแขน “ไชยา” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งอาจจะมีการพูดคุยถึงการปรับครม.เช่นกัน เนื่องจากหากประเมินด้วยผลงาน “ไชยา” โอกาสจะสร้างผลงานมีน้อย เพราะโดนเจ้ากระทรวงริบอำนาจการบริหารเบ็ดเสร็จ
หลังจากนี้ต้องจับตาว่า “รัฐมนตรี” ที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ถูกปรับพ้นครม. หากมีใครอยู่รอดได้ไปต่อ อาจจะถูกจัดอยู่ใน “เด็กชินวัตร” สายแข็ง ไม่เน้นผลงาน แต่เน้นบริหารคอนเนกชัน