ลึกลับปรับ ครม. ‘เกมอำนาจ’ ต่อรองการเมือง

ลึกลับปรับ ครม. ‘เกมอำนาจ’ ต่อรองการเมือง

การปรับ ครม.ที่ลากยาวมา 3 เดือน ผลเสียจึงกระทบต่อรัฐบาล ล่าสุด มีกระแสข่าว “นายใหญ่” สั่งปิดเกม ให้ปิดจ็อบปรับครม.ภายในเดือน เม.ย. เพื่อสยบแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วม รวมทั้งกระตุ้นบรรดาบิ๊กข้าราชการให้เร่งสนองนโยบายรัฐบาล

Key Point :

  • เกมปรับ ครม. ลากยาวมากว่า 3 เดือน ฉากหน้าปล่อยชื่อ "รัฐมนตรี" หลุดโผ ปล่อยชื่อ "ว่าที่รัฐมนตรี" หน้าใหม่ ฉากหลังเต็มไปด้วยการเจรจาต่อรอง
  • ท่ามกลางข่าวฝุ่นตลบ ย่อมมีมาสเตอร์มายด์ได้ผลประโยชน์ บรรดาแคนดิเดตหวังผลักดันตัวเองให้นั่งเก้าอี้เสนาบดี จึงมีปฏิบัติการด้านการข่าว ปฏิบัติการเชื่อมคอนเนกชัน
  • เช่นเดียวกับ "คนกำหนดเกม" เปิดโต๊ะเจรจาต่อรองทางการเมือง บางกรณีมีการแบ่งผลประโยชน์กันใหม่ เพื่อเกลี่ยให้ "กลุ่มทุน"

กระแสข่าวปรับ ครม.ลากยาวมาเกือบ 3 เดือน เพราะอยู่ในวงรอบการประเมินผลงานของ “รัฐมนตรี” ในทุกกระทรวง ตามที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ประกาศเอาไว้

เสริมด้วยแรงบวกจากสไตล์ของ “นายใหญ่” ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย มักจะมีการปรับครม.ในทุก 6 เดือน เพื่อลดแรงกระเพื่อมจากกลุ่ม-ก๊วนทางการเมือง

จึงไม่แปลกที่จะมีกระแสข่าวปรับครม.หลุดรอดออกมา แม้นายกฯเศรษฐาจะปฏิเสธหลายครั้ง แต่เมื่อมีความเคลื่อนไหว ย่อมมีคนที่หวังผลทางการเมืองปล่อยข่าว

“กลุ่มหลุดเก้าอี้” มักจะถูกปล่อยออกมาก่อน หลายครั้งที่ “ผู้มีอำนาจ” จะกระจายชื่อออกมา เพื่อหยั่งกระแส เช็คแรงกระเพื่อม โดยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเภทต่างตอบแทน เมื่อหมดเวลาก็ต้องคืนเก้าอี้เสนาบดี เพื่อหมุนไปตอบแทนกลุ่ม-ก๊วนอื่น

แต่บางครั้ง “กลุ่มลุ้นเก้าอี้” จะฉวยโอกาสปล่อยข่าว หวังเลื่อยเก้าอี้ ก่อนจะส่งชื่อตัวเองเข้าประกวด แต่ต้องมั่นใจในคอนเนกชั่น เช็คให้ชัวร์ก่อน หากจับกันได้ไล่สายกันทัน “คนปล่อยข่าว” จะถูกกาชื่อทิ้งก่อนใคร

อย่างไรก็ตาม มีหลายครั้งที่ “ผู้มีอำนาจ” จะกินรวบหลายต่อ ปล่อยชื่อ “รัฐมนตรี” ที่อยู่ในความดูแลของ “กลุ่มทุนการเมือง” ออกมา นอกจากจะเช็คกระแสแล้ว ยังต้องการเปิดโต๊ะเจรจากับ “กลุ่มทุนทางการเมือง”

แถมยี่ห้อ “นายใหญ่” เขี้ยวการเมืองลากดิน หากต้องการลดแรงต่อรอง มักจะมียุทธศาสตร์ คิดคำนวณรอบด้านเอาไว้ก่อน

ว่ากันว่า รอบนี้มี “รัฐมนตรี” บางกระทรวง ถูกปล่อยชื่อออกมาว่ามีโอกาสจะถูกสลับกระทรวง เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน จากลือกันลับๆ กระแสข่าวถูกปั่นจนติดลมบน จนความเป็นไปได้มีสูง

ทว่า “คนกำหนดเกม” ยังไม่มีเจตนาจะปรับออก-โยกกระทรวง “รัฐมนตรี” ในโควตา “นายทุน” แต่อาจหวังเปิดโต๊ะเจรจาต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ดังนั้นการปรับ ครม.ในแต่ละครั้ง จึงอยู่ที่ใครจะมีแต้มต่อเอาไว้ต่อ-เอาไว้รองมากน้อยกว่ากัน

“รัฐบาลเศรษฐา” แตกต่างจาก “รัฐบาลประยุทธ์” อยู่มาก เนื่องจากรัฐบาลประยุทธ์ จำเป็นต้องใช้จำนวนมือ สส. ในสภาฯ เพื่อประคับประคองสถานะของรัฐบาลให้อยู่ยาวมากที่สุด ทำให้การปรับครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย

แต่หากมีการขยับ จะเป็นการตอบโจทย์ทางการเมือง เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมบรรดา “นักการเมือง” จากต่างกลุ่ม-ต่างก๊วน มาร่วมจัดตั้งพรรค การต่อรองจึงมีสูง

ส่วน “รัฐบาลเศรษฐา” สถานะของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้แทบจะไม่มีกลุ่ม-ก๊วน เนื่องจาก “นายใหญ่” มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ทำให้บรรดา สส. อยู่ในคาถา ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวกดดัน

อย่างไรก็ตาม การปรับครม.เศรษฐา 2 กลับดำเนินไปช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เหตุผลหลักมาจากดีลลับ-ดีลลึกของ “นายใหญ่” จึงเคาะไม่ลงตัว อีกทั้งการปรับครม.โควตา “เพื่อไทย” บางตำแหน่ง กระทบชิ่งกับพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ต้องเคลียร์กัน

ทว่า การต่อรองที่ยาวนาน ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของ “รัฐบาล” เนื่องจาก “รัฐมนตรี” ที่มีชื่อติดโผ แทบจะไม่มีสมาธิในการขับเคลื่อนนโยบายเก่า นโยบายใหม่ เพราะต้องวิ่งหาคอนเนกชั่น เพื่อรักษาเก้าอี้รัฐมนตรีเอาไว้ให้ได้

ที่สำคัญยังส่งผลกระทบกับ “บิ๊กข้าราชการ-ข้าราชการ” ที่จะต้องรับคำสั่ง รับนโยบายจาก “รัฐมนตรี” แต่หากเก้าอี้ “นาย” ไม่นิ่ง จะมีผลต่อการทำงาน ข่าวข้าราชการเกียร์ว่างจึงมีออกมาในช่วงการเปลี่ยนแปลง

การปรับ ครม.ที่ลากยาวมา 3 เดือน ผลเสียจึงกระทบต่อรัฐบาล ล่าสุด มีกระแสข่าว “นายใหญ่” สั่งปิดเกม ให้ปิดจ็อบปรับครม.ภายในเดือน เม.ย. เพื่อสยบแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วม รวมทั้งกระตุ้นบรรดาบิ๊กข้าราชการให้เร่งสนองนโยบายรัฐบาล