สิ่งที่ ‘เศรษฐา’ ยังไม่บอก ประชาชนได้อะไรจากการปรับ ครม.

การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีรัฐมนตรีหน้าใหม่เข้ามาหลายคน โดยเฉพาะตำแหน่งที่น่าจับตามองอยู่ที่การแต่งตั้งนายพิชัย ชุนหวชิร เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่านายพิชัย จะมาทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ หลังจากที่ผ่านมานายเศรษฐา ที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรีมากและให้น้ำหนักกับงานที่กระทรวงการคลังไม่มาก

การให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งหรือการเสนอชื่อแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะเสนอชื่อ ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการปรับ ครม.ทุกครั้ง รวมถึงการปรับ ครม.ครั้งล่าสุดที่มีรัฐมนตรีหน้าใหม่เข้ามาร่วมทำงานหลายคน รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหลายคน จึงเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหลังจากนี้ที่จะแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใหม่

ในช่วงที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับ ครม. ครั้งนี้ไม่มาก เป็นการตอบคำถามในลักษณะถามคำตอบคำ ซึ่งล่าสุดก่อนมีประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งรัฐมนตรี 1 วัน นายเศรษฐา ยังระบุเพียงให้รอดูว่าการปรับ ครม.จะมีหน้าตาอย่างไร และเมื่อใดที่มีประกาศการเปลี่ยนออกมาประชาชนก็จะรับทราบเอง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชน ส่วนปรับ ครม.ไม่ใช่เรื่องของประชาชน 

เมื่อมีประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งรัฐมนตรีออกมาแล้ว จึงคาดหวังว่าจะมีคำอธิบายจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีช่องทางสื่อสารกับสังคมหลายช่องทาง นอกจากการให้สัมภาษณ์ชี้แจงประชาชนผ่านสื่อมวลชนแล้ว นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันทำการสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) แต่หลังจากประกาศดังกล่าวเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว นายกรัฐมนตรีกลับพูดถึงประเด็นอื่นที่ไม่ใช่การปรับ ครม.ในเฟซบุ๊ก

การบริหารงานในภาคธุรกิจปัจจุบันหลายองค์กรจะมีการทาวน์ฮอลของผู้บริหารหรือซีอีโอ เพื่อชี้แจงพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน เช่นเดียวกับการปรับ ครม.ที่เป็นการปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีควรมีคำอธิบายถึงการปรับ ครม.ครั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของประเทศรับทราบการเปลี่ยนแปลงและทิศทางการบริหารราชการแผ่นดินหลังจากนี้