อนาคต ‘ธนาธร’ หลังพ้นโทษแบน ภารกิจปูทางสู่เลือกตั้ง 2570
“พวกเรา คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำงานแค่ช่วงเลือกตั้ง เราทำงานทุกวัน... มันจะสร้างพลัง ปูไปสู่การเลือกตั้งปี 2570” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
KEY
POINTS
- "ธนาธร" หวังรัฐบาลก้าวไกล ในอนาคตมีตัวเลขพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ต่ำ280-290 เสียง
- ไม่ปักใจเชื่อ “พรรคก้าวไกล” จะถูกยุบพรรค 100%
- เปิดปัจจัย ‘ก้าวไกล’ ชนะเลือกตั้ง ไม่ได้ทำงานแค่เดือนสุดท้ายช่วงหาเสียง
- ชี้ “พรรคเพื่อไทย” ฉีกเอ็มโอยู “ก้าวไกล” ทำให้กระแสของ “ก้าวไกล” ดีขึ้นในไตรมาสแรกปี 2567
- พร้อมวางมือการเมือง หากประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย
- ไม่ปฏิเสธแคนดิเดตนายกฯ หลังพ้นโทษแบนการเมืองปี 2573 หากมีเสียงเรียกร้อง
- หวังเห็น “พิธา” ยังอยู่ในแวดวงทางการเมืองต่อไป หากถูกตัดสิทธิ-ถูกยุบพรรคก้าวไกล
KeyPoints
- "ธนาธร" หวังรัฐบาลก้าวไกล ในอนาคตมีตัวเลขพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ต่ำ280-290 เสียง
- ไม่ปักใจเชื่อ “พรรคก้าวไกล” จะถูกยุบพรรค 100%
- เปิดปัจจัย ‘ก้าวไกล’ ชนะเลือกตั้ง ไม่ได้ทำงานแค่เดือนสุดท้ายช่วงหาเสียง
- ชี้ “พรรคเพื่อไทย” ฉีกเอ็มโอยู “ก้าวไกล” ทำให้กระแสของ “ก้าวไกล” ดีขึ้นในไตรมาสแรกปี 2567
- พร้อมวางมือการเมือง หากประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย
- ไม่ปฏิเสธแคนดิเดตนายกฯ หลังพ้นโทษแบนการเมืองปี 2573 หากมีเสียงเรียกร้อง
- หวังเห็น “พิธา” ยังอยู่ในแวดวงทางการเมืองต่อไป หากถูกตัดสิทธิ-ถูกยุบพรรคก้าวไกล
“ความน่าจะเป็น เป็นเท่าไร คงตีออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ไม่ปักใจ 100% ว่าพรรคถูกยุบแน่ๆ” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงความน่าจะเป็นที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรคกี่เปอร์เซ็นต์ หลังถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองและล้มล้างการปกครอง
“พรรคก้าวไกล” กำลังอยู่ในห้วงต่อสู้คดียุบพรรค และขอขยายเวลา 30 วันในการทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 พฤษภาคม 2567
“ธนาธร” ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเฉดส้ม ในวัย 45 ปี บอกว่า ตนไม่กล้าประเมินแม้จะมีหลายคนปักใจไปแล้วว่าพรรคก้าวไกลถูกยุบแน่ แต่ถ้าดูในรูปคดียังพอมีช่องทางอยู่ ดังนั้น ตนยังไม่ปักใจเชื่อเสียทั้งหมดว่าจะถูกยุบแน่
“ความน่าจะเป็น เป็นเท่าไรคงตีออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ไม่ปักใจ 100% ว่าพรรคถูกยุบแน่ๆ”
ชี้จุดคลี่ปมการเมืองวังวน "สามก๊ก"
“ธนาธร” วิเคราะห์ถึงความพยายามที่จะยุบพรรคก้าวไกลว่า อย่างแรก เป็นความพยายามทำลายพรรคก้าวไกล เพื่อสกัดไม่ให้พรรคเติบโต และเป็นการสั่งสอนให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อให้คนกลัว และเพื่อไม่ให้มีพรรคไหนมาท้าทายโครงสร้างอำนาจนำทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เหมือนพรรคอนาคตใหม่ และก้าวไกล
ด้วยบริบทที่อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ทั้ง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” รวมถึง “พรรณิการ์ วานิช” ต่างวิเคราะห์การเมืองไทยในห้วงนี้ว่ายังคงเผชิญศึกสามก๊ก “ก๊กเพื่อไทย-ทักษิณ-ก๊กก้าวไกล-ก๊กอนุรักษนิยม”
“ธนาธร” ก็มองตรงกันกับ “ปิยบุตร” และ “พรรณิการ์” โดยเห็นว่า จะทำอย่างไรให้การเมืองสามก๊กที่เราพูดกัน กลับมาเป็นการเมืองรัฐสภาปกติ โดยจุดเริ่มต้นก็อยู่ที่ สว. เพราะหนึ่งในโครงสร้างที่ทำให้เกิดสามก๊กนี้ มาจากองค์กรอิสระ เป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจแต่ไม่ยึดโยงประชาชน ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ
“ถ้าอยากจะทำการเมืองสามก๊กให้กลับมาเป็นปกติ เป็นการเมืองในรัฐสภาปกติทั่วไป ที่พรรคการเมืองแข่งขันกันในเชิงนโยบาย ประชาชนชอบนโยบายของพรรคไหนก็ไปเลือกพรรคนั้น ถ้าเราอยากให้การเมืองกลับมาปกติอย่างนี้ การเลือก สว.ครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในการคลี่ปมออก"
"ธนาธร" อธิบายถึงการเมืองไทยที่ยังไม่พ้นสองมาตรฐานว่า ถ้าคนนี้เป็นฝ่ายที่สวามิภักดิ์ก็จะได้รับการปฏิบัติแบบหนึ่ง ถ้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ฝ่ายต่อต้านก็จะได้รับการปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง การที่มีสองมาตรฐาน ทำให้คนมันปรองดองกันไม่ได้ สังคมมันสมานฉันท์กันไม่ได้ เราจะสมานฉันท์ เราจะปรองดองกันได้อย่างไร ก็ต่อเมื่อมีความเป็นธรรม
“ธนาธร” เห็นว่าการเลือก สว.ชุดใหม่ 200 คนจาก 20 กลุ่มอาชีพจะเป็นการคลี่คลายการเมือง “สามก๊ก”ได้ เพราะถ้ากติกาทางการเมืองมีความเป็นธรรมและเป็นกลางเมื่อไร ไม่มีสองมาตรฐานเมื่อไร ทุกคนจะกลับมาเล่นบนสนามการเมืองปกติ ลักษณะสามก๊กมันจะคลี่คลายลง
'ก้าวไกล' หวัง 280 เสียงตั้งรัฐบาลอนาคต
ถามถึงโอกาสที่ก๊กก้าวไกลจะเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับ “พรรคเพื่อไทย” ได้อีกหรือไม่นั้น “ธนาธร” ระบุว่า อนาคตคงพูดยาก เพราะโอกาสที่พรรคก้าวไกล พรรคเดียวจะได้เกิน 251 เสียงนั้นมีแต่น้อยมาก และต้องทำงานอีกเยอะเลย เพื่อทำให้ประชาชนเห็นว่าพวกเราจริงจังกับการพัฒนาประเทศ พวกเรามีศักยภาพ พวกเรามีวุฒิภาวะมากพอที่จะพาประเทศไปข้างหน้า ถึงแม้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกล
“ธนาธร” ย้ำว่า “มีโอกาสข้ามเส้น 251 เสียง พรรคก้าวไกลพรรคเดียวไหม มีโอกาส แต่ไม่ง่าย”
แต่ถ้าสมการทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า เกิดกรณี “ก้าวไกล” ไม่ข้ามเส้น 251 เสียงนั้น
“ธนาธร” บอกว่า ต้องดูหน้างานและหาพันธมิตรทางการเมืองที่ยอมรับได้กับนโยบายของพรรคก้าวไกลให้เป็นนโยบายนำในการพัฒนาประเทศ โดยตั้งเป้าว่ารัฐบาลพรรคก้าวไกลในอนาคต รวมมีตัวเลข สส.จากพรรคร่วมไม่น้อยกว่า 280-290 เสียง และพรรรคก้าวไกลก็คงยินดีที่จะร่วมงานกับพรรคการเมืองที่ยอมให้ใช้นโยบายของพรรคก้าวไกลเป็นนโยบายหลักในการขับเคลื่อนรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรคก้าวไกลจะยังไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่เป็นเครือข่ายของขั้วอำนาจเก่าอนุรักษนิยม หรือพรรคลุงใช่หรือไม่ “ธนาธร” ตอบว่า “ยินยอม หรือไม่ยินยอม มันคงน่าจะเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศมากกว่า ว่าพรรคอันดับหนึ่งควรได้ใช้นโยบายของตัวเองเป็นนโยบายแกนในการพาประเทศไปข้างหน้า ส่วนพรรคร่วมถ้ามีนโยบายที่ดี และเห็นตรงกันได้ ก็เอาเขามาร่วมในนโยบายได้ในการขับเคลื่อนประเทศ แต่แกนหลักของการขับเคลื่อนประเทศ ต้องเป็นนโยบายหลักของพรรคอันดับหนึ่ง”
เปิดปัจจัย 'ก้าวไกล' ชนะเลือกตั้ง ลุยปูทางเลือกตั้งปี70
ขณะเดียวกัน “ธนาธร” ยังตอบถึงผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2567” ซึ่งพรรคก้าวไกล และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผลสำรวจยังชี้ว่า “พิธา” คืออันดับหนึ่งที่ประชาชนจะสนับสนุนเป็นนายกฯ ร้อยละ 42.75 และพรรคก้าวไกลยังครองความนิยมอันดับหนึ่ง ร้อยละ 48.45
“ธนาธร” บอกว่า “พวกเราคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล ไม่ได้ทำงานแค่ช่วงเลือกตั้ง เราไม่ได้แค่ทำงาน 3 เดือน 6 เดือนก่อนการเลือกตั้ง เราทำงานทุกวัน เราเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานทุกวัน แต่คนมองไม่เห็น ผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจะสร้างพลัง ปูไปสู่การเลือกตั้งปี 2570”
“การประสบความสำเร็จของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งปี 2566 มันไม่ได้มาจากกระแสในช่วงเดือนสุดท้ายอย่างเดียว แต่มาจากการสะสมการทำงานกับพี่น้องประชาชนตลอด 4 ปี”
อีกส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ที่เป็นเหตุผลทำให้พรรคก้าวไกลยังคงครองความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ก็เกิดจากผลโดยตรงที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล แล้วไปร่วมกับพรรคที่เคยบอกว่าจะไม่ร่วมตั้งรัฐบาล
“ส่วนสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมกลับมาสู่พรรคก้าวไกล คงมีจากสองส่วน จากปัจจัยภายในที่พวกเราทั้ง สส. และกลไกของพรรคทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีกส่วนเป็นผลของการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนมีปัญหาเรื่องศรัทธา”
อนาคต พ้นโทษแบน พร้อมนั่งนายกฯ-วางมือการเมือง
ถามถึง ปี 2573 “ธนาธร” จะพ้นโทษแบนทางการเมืองในเวลานั้นจะยังคงทำงานการเมืองอยู่เช่นเดิมหรือไม่ “อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่” ระบุว่า ไม่จำเป็น ไม่เสมอไป วัตถุประสงค์ของการเข้ามาทำงานการเมืองของผม ผมอยากเห็นประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ ประชาชนมีความเสมอภาคมีความเท่าเทียม และอยากเห็นประเทศไทยที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
“ถ้าประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย มันเดินไปทิศทางที่ถูกต้อง ประชาชนมีความหวัง ประเทศไทยมีแสงสว่าง ผมไม่จำเป็นทำงานทางการเมืองอีกก็ได้ ถ้าผมไม่จำเป็นทางการเมืองแล้ว เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ถูกตัดสิทธิของผมครบกำหนด ถ้าผมไม่จำเป็นผมก็ไม่กลับมา ผมมีอะไรอยากทำอีกเยอะเลย ยังอยากให้เวลากับครอบครัว ยังอยากไปศึกษาโลกเห็นโลกกว้างให้มากกว่านี้ ยังอยากไปปีนเขา ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่อยากอ่าน”
“ถ้าครบกำหนดการถูกตัดสิทธิของผมแล้วจะกลับมาต้องมีตำแหน่ง ผมคิดว่าไม่จำเป็น ถ้าประเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ผมก็พร้อมวางมือทางการเมือง"
"เช่นเดียวกัน ถ้าพรรคก้าวไกลมีบุคลากรที่เหมาะสม มีผู้นำที่เหมาะสมแล้ว ผมก็พร้อมวางมือทางการเมือง แต่กลับกัน ถ้าเวลานั้นมาถึง และความรู้ความสามารถของผมยังจำเป็นของประเทศอยู่ ผมไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ”
ถามย้ำว่าหากมีเสียงบอกว่า คุณธนาธร ควรเป็นแคนดิเดตนายกฯ อีกครั้ง “ธนาธร” ระบุว่า “อย่างที่บอก ถ้ามีความจำเป็นทางการเมือง ก็ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ แต่ไม่จำเป็น ผมย้ำอีกครั้ง”
ชะตากรรม 'ธนาธร-พิธา' หัวอกเดียวกัน ปมตัดสิทธิ-ยุบพรรค
นอกจากนี้ “ธนาธร” ยังเข้าใจหัวอกคนกันเองที่ประสบชะตากรรมทางการเมืองไม่ต่างจากเขา คือ“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่เป็นผู้นำพรรคก้าวไกล และต้องมาเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนว่าจะถูกตัดสิทธิหรือไม่จากคดียุบพรรคก้าวไกล
“ถ้ามีใครจะเข้าใจคุณพิธา ได้ดีที่สุดคนหนึ่งน่าจะเป็นผมนะ เพราะสิ่งที่คุณพิธาเจอหลังจากการเลือกตั้ง เหมือนกับสิ่งที่ผมเจอ เป๊ะเลยนะครับ หนึ่งคือ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกโจมตีมากมาย ทำกิจกรรมอะไรก็ถูกจับตาตลอดเพื่อหาจุดผิด เพื่อเล่นงาน เพื่อทำลายศรัทธาทางการเมือง ทำลายชื่อเสียงด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ โดนกุข่าวอะไรต่างๆ มากมาย เพื่อทำลายคุณพิธา ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่ผมเจอ หลังจากการเลือกตั้งปี 2562 เลย แล้วก็เจอความท้าทายของการยุบพรรคอีก”
“ถึงแม้จะถูกตัดสิทธิ ถึงแม้จะถูกยุบพรรค ก็ฝากให้คุณพิธาเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว อย่าไขว้เขว”
“ผมเชื่อว่าคุณพิธาก็มีความเด็ดเดี่ยว มีความหนักแน่นตรงนั้นอยู่ ผมเชื่อว่าแม้พรรคจะถูกยุบ คุณพิธาจะถูกตัดสิทธิ เราจะยังเห็นเขาอยู่บนแวดวงทางการเมือง ไม่ว่าจะบทบาทใด ก็บทบาทหนึ่ง” ธนาธร พูดถึงผู้นำพรรคที่พลาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ธนาธร” ทิ้งท้ายว่า พรรคก้าวไกล มาไกลเกินกว่าที่จะท้อถอย ความหวังที่ประชาชนฝากไว้กับพวกเรา เป็นสิ่งที่เราทอดทิ้งไม่ได้ ดังนั้นเราต้องรับผิดชอบกับความฝันนั้น