‘ล้มเสาไฟฟ้า’ บทเรียน‘ทักษิณ’ ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน

‘ล้มเสาไฟฟ้า’ บทเรียน‘ทักษิณ’  ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน

จังหวะ"พ่อใหญ่ทักษิณ" ขยับ 3ทัพเพื่อไทย"ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน" จับตาสมรภูมิอบจ."นายใหญ่-บ้านใหญ่" ปะทะ "นายห้างสีส้ม" บทเรียน "ล้มเสาไฟฟ้า" ถึงเวลามนต์เสื่อม?

KEY

POINTS

  • เอฟเฟกต์ “ปรับครม.”  จังหวะ "ทักษิณ"  สยบเกมป่วนภาคอีสานฐานที่มั่นหลัก เปิดปฏิบัติ “ปิดจุดอ่อน” แยก3ทัพ
  • ศึกอบจ.เดิมพัน "นายใหญ่-บ้านใหญ่" ปะทะ "นายห้างสีส้ม"
  • ย้อนสถิติเลือกตั้งอีสาน บทเรียน"ล้มเสาไฟฟ้า" มนต์ขลัง "พ่อใหญ่ทักษิณ"  เสื่อม

เอฟเฟกต์ “ครม.เศรษฐา2”  ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ เพื่อไทย ชิงสยบเกมป่วนภาคอีสานฐานที่มั่นหลัก เปิดปฏิบัติ “ปิดจุดอ่อน” แยก3ทัพ

ทั้ง “ทักษิณ” ที่ชิงเกมเร็วไปปรากฏตัวที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่1พ.ค. แถมภาพไปย่ำราตรีบางลา และไปเที่ยวที่สวนน้ำอันดามันดา โดยมี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมบุตรชาย พสุ ลิปตพัลลภ ให้การต้อนรับ

การเดินทางไปภูเก็ตของทักษิณ ล้วนแฝงนัยยะทางการเมือง ไม่ต่างจากการเดินทางไปบ้านเกิด เชียงใหม่

ที่สำคัญปลายเดือนพ.ค.นี้ “ทักษิณ” วางแพลนจะเดินทางเยือนเมืองย่าโม ประตูสู่ภาคอีสานเยี่ยมเยียนสุวัจน์ และหนีไม่พ้นการพูดคุยเยียวยาใจ “กำนันป้อ”  วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล พ่อรัฐมนตรีสุดาวรรณ ที่ต้องโยกจากท่องเที่ยวฯ ไปวัฒนธรรม

‘ล้มเสาไฟฟ้า’ บทเรียน‘ทักษิณ’  ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน

สมรภูมิอบจ.‘นายใหญ่-บ้านใหญ่’ ปะทะ ‘นายห้างสีส้ม’

ไม่ต่างพรรคพรรคเพื่อไทย ที่รู้ดีว่า หลังปรับครม.จะต้องมี “ซูเปอร์เอฟเฟกต์” ที่พุ่งตรงไปที่พรรคในทันทีทันใด 

“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค จึงชิงจัดอีเวนท์ ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อ ให้เต็ม 10’ ในวันศุกร์ที่ 3 พ.ค. 2567 โชว์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาที่กินเวลาบริหารราชการแผ่นดินมา9เดือน พร้อมเปิดตัวรัฐมนตรีป้ายแดงอย่างเป็นทางการ 

เหนือไปกว่านั้นยังมีการเปิดตัว “9ว่าที่ผู้สมัคร” นายกอบจ. ในนามของพรรคเพื่อไทย  แบ่งเป็น ภาคอีสาน4คนประกอบด้วย

  • ศราวุธ เพชรพนมพร อดีต สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย  ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี  
  • วิเชียร สมวงศ์ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ยโสธร (นายกอบจ.ยโสธรปัจจุบัน) 
  • อนุชิต หงษาดี ว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.นครพนม อดีตนายก อบต.โพนสวรรค์
  • พลพัฒน์ จรัสเสถียร  น้องชายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต สส. มหาสารคาม และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ชิงนายกฯอบจ. เป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.มหาสารคาม

ส่วนที่เหลือเป็น ภาคเหนือ แบ่งเป็น 4 คนคือ  

  • อนุสรณ์ วงศ์วรรณ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน (นายกอบจ. ลำพูน ปัจจุบัน) 
  • อนุวัธ วงศ์วรรณ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.แพร่ (นายกอบจ.แพร่ปัจจุบัน) 
  • ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง (นายกอบจ.ลำปางปัจจุบัน)
  • อัครา พรหมเผ่า ผู้สมัครนายก อบจ.พะเยา (นายก อบจ.พะเยาปัจจุบัน) น้องชายร.อ.ธรรมนัส พรหมเผา รมว.เกษตรและสหกรณ์

ภาคกลาง อีก1คน คือ มนู พุกประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.สุโขทัย (นายก อบจ. สุโขทัยปัจจุบัน)

‘ล้มเสาไฟฟ้า’ บทเรียน‘ทักษิณ’  ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน

 

คล้อยหลัง1วัน “แพทองธาร” ชิงเกมเร็วหอบสส.และรัฐมนตรีลงพื้นที่จ.มหาสารคาม เปิดตัว “พลพัฒน์” ชิงนายกฯอบจ.อย่างเป็นทางการ ในวันเดียวกับที่เศรษฐาลงพื้นที่ เปรียบเสมือนเป็นเกมคู่ขนาน แถมแย้มๆมาว่าคิวต่อไปจะเป็นพื้นที่อื่นๆในภาคอีสาน 

อย่างที่รู้กันว่า ก่อนไปถึงการเมืองสนามใหญ่ เพื่อไทยจำต้องวางฐานที่มั่นไว้ที่สนามท้องถิ่น นั่นคือ ศึกนายกอบจ.และสมาชิกอบจ.ทั่วประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกราวๆ6เดือนข้างหน้า 

โดยเฉพาะยามนี้มีการปลุกกระแส “อบจ.สีส้ม”ล้มบ้านใหญ่ด้วยแล้ว แน่นอนว่าเพื่อไทยซึ่งมีบทเรียนจากการเมืองสนามใหญ่ครั้งที่ผ่านมาย่อมประมาทไม่ได้เป็นอันขาด

ยังไม่นับรวมบรรดาบรรดาบ้านใหญ่-บ้านใหม่ต่างพรรคที่ส่งสัญญาณชักธงรบไม่ต่างกัน

‘ล้มเสาไฟฟ้า’ บทเรียน‘ทักษิณ’  ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน

สนามอีสานบทเรียน "ล้มเสาไฟฟ้า"

ยิ่งไปกว่านั้น เกมรุกฉบับ “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า”  ยังมีการปิดจุดอ่อนตอกย้ำด้วยการลงพื้นที่ของ “เศรษฐา ทวีสิน” ภายหลังปรับครม.ที่ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.มหาสารคาม ในช่วงวันที่ 5-6 พ.ค.  พร้อมกับรัฐมนตรีสายอีสานทั้ง จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ผู้ที่อยู่รอดจากเกมเก้าอี้ดนตรี และมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 

โฟกัสไปที่2จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อไทยสูญเสียที่นั่ง สส.ให้พรรคอื่นถึง 3 ที่นั่งจากทั้งหมด 8 ที่นั่ง

ดังนั้น เพื่อไทย จึงมี สส.ร้อยเอ็ด เพียง 5 คน คือฉลาด ขามช่วง,นรากร นาเมืองรักษ์,จิราพร สินธุไพร, กิตติ สมทรัพย์ และชญาภา สินธุไพร

ช่วงจัดโผครม.มีกระแสดราม่า “สส.น้ำ จิราพร”  สส.ร้อยเอ็ด 2 สมัย ข้ามหัว สส.อาวุโส 8 สมัยอย่าง ฉลาด ขามช่วง เป็นรัฐมนตรี ก็คนพูดถึงบ้าง แต่ไม่ได้เกิดแรงกระเพื่อมใดๆ

ขณะที่สนามมหาสารคาม บ้านเกิด “บิ๊กทิน” พรรคเพื่อไทย ไม่ชนะยกจังหวัด ต้องเสีย 1 ที่นั่งให้ภูมิใจไทย ส่วน 5 คนที่เหลืออยู่ประกอบด้วย กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์,ไชยวัฒนา ติณรัตน์, สรรพภัญญู ศิริไปล์,จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ และรัฐ คลังแสง

เมื่อสุทิน คลังแสง ได้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ทำให้ สส.อาวุโสบางรายไม่แฮปปี้ จึงมีข่าวปล่อยทำนองว่า สส.รุ่นลายครามคนนั้นดอดไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สนามกอล์ฟ ทบ.

นักวิเคราะห์บางสำนัก วิเคราะห์ว่า ปรับ ครม.เศรษฐา 2 เที่ยวนี้ จะเกิดแรงกระเพื่อมในกลุ่ม สส.อีสาน อย่างรุนแรง โดยเฉพาะกรณีที่ “ไชยา พรหมา”  ถูกเขี่ยพ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และยกให้พรรคพลังประชารัฐดูแลกระทรวงเกษตรฯเบ็ดเสร็จ ต่างจาก "สุทิน" ที่เกือบหลุดเก้าอี้ รมว.กลาโหม แต่โชคดีที่ได้ต่ออายุไปอีก เพราะมีภารกิจสำคัญต้องเดินหน้าต่อให้จบ

ทว่าถึงเวลาจริง  “ไชยา”  ซึ่งถูกจับตาหลังไม่ปรากฎตัวเข้าร่วมกิจกรรม“10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10”ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้จะออกอาการน้อยอกน้อยใจ ถึงสาเหตุการถูกปรับออกว่า เป็นเพราะไม่มีการสนับสนุนด้านกลุ่มทุนในพรรค 

แต่ถึงที่สุดเขาก็ต้องจำยอมด้วยเหตุผลสุดคลาสสิก เพื่อให้พรรคเดินหน้าต่อไป 

‘ล้มเสาไฟฟ้า’ บทเรียน‘ทักษิณ’  ปิดจุดอ่อนอีสาน-สยบครม.ป่วน

ไล่เช็กขุมกำลังเพื่อไทย ปัจจุบันมีรัฐมนตรีที่มาจากโควตาอีสาน 6 คนคือ

  • เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย(อุบลราชธานี)
  • ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี(นครราชสีมา)
  • สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม(นครราชสีมา)
  • สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม(มหาสารคาม)
  • จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกฯ(ร้อยเอ็ด)

จังหวะ“นายใหญ่” ที่ชิงเกมรุก3สาย พุ่งตรงไปที่ภาคอีสานนอกเหนือจะถูกมองว่า เป็นการสยบแรงกระเพื่อมการปรับครม.ในพรรคแล้วแน่นอนว่า หวังผลไปถึงการตรึงขุมกำลังในจุดยุทธศาสตร์ภาคอีสานทั้งการเมืองสนามท้องถิ่น ตุนกระสุนไปถึงสนามใหญ่ 

ส่อง "3ศึกเลือกตั้ง" อีสานร่วง

ไล่ย้อนดูจำนวนสส.ภาคอีสาน ของพรรคเพื่อไทย3ครั้งที่ผ่านมา พบว่า  

  • ปี 2554 เพื่อไทย ได้สส. 104 คน จากทั้งหมด126คน ​ 
  • ปี2562 ได้สส. 84 คน จากทั้งหมด 116 คน
  • ปี 2566 คือการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เพื่อไทยได้สส.อีสาน 73 คน จาก133 คน 

มีการวิเคราะห์ว่า ตัวเลขที่ลดวูบอย่างน่าใจหายของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่อีสานครั้งที่ผ่านมา เป็นเพราะพลาดท่าให้กับพรรคคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทยที่ได้สส. 35 ที่นั่ง, พลังประชารัฐ 7 ที่นั่ง, ก้าวไกล 7 ที่นั่ง, ไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง เป็นต้น

แน่นอว่าตัวเลขที่ออกมาย่อมสะท้อนนัยการเมืองอย่างเห็นได้ชัด ว่า มนต์ขลัง “พ่อใหญ่ทักษิณ” อาจไม่ขลังต์เหมือนที่ผ่านมา เช่นนี้ย่อมเป็นบทเรียนสำคัญและถือเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆที่ต้องช่วงชิงกลับมาให้ได้ ตอกย้ำด้วย “ยุทธ์ศาสต์พ่อใหญ่” แบ่ง3ทัพตะลุยอีสานเวลานี้!