‘ชาญ’ แดงของแทร่ สางแค้น ‘แจ๊ส’ ฟื้นแบรนด์ ‘ทักษิณ’

สมรภูมิศึกนายก อบจ.ปทุมธานี ส่อเค้าจะกลายเป็นศึกสามเส้าคือ บิ๊กแจ๊ส ลุงชาญ และพลพรรคสีส้ม

เมื่อพรรคก้าวไกล แจ้งข่าว ชัยธวัช ตุลาธน จะพาว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ในวันที่ 17 พ.ค.2567 

พลันที่ทีมโฆษกพรรคก้าวไกล ส่งข่าวไปให้สื่อมวลชนไม่ทันถึง 3 ชั่วโมง ก็มีการลบหมายข่าวของหัวหน้าต๋อมทิ้ง

แสดงความภายในค่ายสีส้มยังไม่ตกผลึกว่า จะส่งผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานีหรือไม่

จริงๆแล้ว ปลายปีที่แล้ว ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ศรายุทธ ใจหลัก ผอ.พรรคก้าวไกล พร้อมกับ สส.ปทุมธานี ทั้ง 6 เขต ได้จัดเสวนาเตรียมการหาคนลงสมัครนายก อบจ.ปทุมฯ 

เวลานั้น ก้าวไกลปทุมธานี ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะส่งใครเป็นตัวแทนพรรคลุยสนามท้องถิ่น

ชัยชนะในการเลือกตั้ง สส.ปทุมธานี ทำให้ก้าวไกลมุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมการเมืองท้องถิ่นทุกระดับ สลัดทิ้งการเมืองบ้านใหญ่

ปัจจุบัน สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ประกอบด้วยเขต 1 สรวีย์ ศุภปณิตา, เขต 2 เจษฎา ดนตรีเสนาะ, เขต 3 ชลธิชา แจ้งเร็ว, เขต 4 สกล สุนทรวาณิชย์กิจ, เขต 6 เชตวัน เตือประโคน และเขต 7 ประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์

พลันที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ชิงลาออกจากนายก อบจ.ปทุมธานี ก็มีข่าวว่า สส.ปทุมธานี ก้าวไกล จะหนุนบิ๊กแจ๊ส แต่แกนนำสีส้มบางปีก ก็เห็นแย้งว่า ไม่ควรหนุนอดีตนายกฯ 

เนื่องจากแบรนด์แจ๊ส ผูกติดกับเพื่อไทย และตอนหลังทิ้งเพื่อไทยไปซบภูมิใจไทย ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่ก้าวไกลในระยะยาว

สำหรับพรรคเพื่อไทย ไม่มีลังเล สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อุ้มชาญไปสมัครนายก อบจ.ปทุมฯ ด้วยตัวเอง เพื่อการันตีว่า ชาญคือ แดงเพื่อไทยของแทร่

ชาญ พวงเพ็ชร์ แจ้งเกิดในอ้อมอกบ้านใหญ่ตระกูลหาญสวัสดิ์ สมัยพรรคไทยรักไทยเฟื่องฟู เป็นนายก อบจ.ติดต่อกัน 2 สมัย และสมัยที่ 3 ชาญทิ้งเพื่อไทยไปสังกัดภูมิใจไทย ยังได้เป็นนายกฯอีกสมัย

ปี 2563 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ลงสนามในนามกลุ่มคนรักปทุม โดยการสนับสนุนของ สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย จึงเอาชนะชาญไปได้

การเลือกตั้งปี 2566 ชาญ พวงเพชร์ ส่งสัญญาณทิ้งภูมิใจไทย และหันมาเคลื่อนไหวกับอดีต สส.เพื่อไทย

มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ก็เคยเป็นอดีต ส.อบจ.ปทุมธานี ในกลุ่มของชาญ พวงเพ็ชร์ มาก่อน

ว่ากันว่า ชาญได้พานายกเบี้ยว-กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีเมืองธัญบุรี เข้าค่ายสีแดง จึงทำให้ สส.ฟลุค มนัสนันท์ ลูกชายนายกเบี้ยว ได้เป็น สส.ปทุมธานี

ด้วยเหตุนี้ นายกเบี้ยว จึงจัดงานบวชลูกชายคนเล็กในวันที่ 8 มิ.ย.2567 และเชิญอดีตนายกฯทักษิณ มาเป็นประธานในงานบวชครั้งนี้นายกเบี้ยว จัดงานที่ลานข้างที่ว่าการเทศบาลเมืองธัญบุรี เตรียมการสั่งโต๊ะจีนมามากกว่า 3 พันโต๊ะ

ทักษิณ เหยียบปทุมธานี มีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ระดับประเทศ เพราะในอดีต ปทุมธานีคือ ฐานที่มั่นใหญ่เพื่อไทย

1.นับจากปี 2544 ถึงปี 2554 พรรคของทักษิณ ชนะเลือกตั้งยกจังหวัดปทุมธานี แบรนด์เถ้าแก่ใหญ่ฝังลึกในกลุ่มรากหญ้าสายลุ่มน้ำเจ้าพระยาและสายคลอง

2.ปี 2552-2557 แดงปทุมธานี มีหลายกลุ่มหลายก๊วน แต่เป็นกำลังของ นปช. ไม่ต่างจากแดงสมุทรปราการ 

3.เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทย พยายามจะเจาะปทุมธานี ผ่านเครือข่ายบ้านใหญ่สายชาญ ในการเลือกตั้งปี 2554 ไม่ประสบความสำเร็จ ปี 2562 ค่ายสีน้ำเงิน ได้ สส.มา 1 คน แต่ปี 2566 ก็แพ้ยกจังหวัด

การเลือกตั้งปี 2566 เพื่อไทยพ่ายแพ้หมดรูป ปทุมธานี เปลี่ยนจากแดงเป็นส้มไปทั้งจังหวัด สาเหตุที่ค่ายนายใหญ่แพ้ มีอยู่หลายปัจจัย

1.สภาพทางสังคมเมืองปทุมฯเปลี่ยน จากสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมกึ่งชนบทกึ่งอุตสาหกรรม มีประชากรพลัดถิ่นย้ายเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก  

2.พฤติกรรมการเลือกตั้งของคนปทุมยุคใหม่ จึงไหลไปตามกระแสเหมือนคนกรุงเทพฯ กระแสส้มมาแรง ก็เลือกพรรคก้าวไกล 
 
3.พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ส่งคนใกล้ชิดลงสมัคร สส.ปทุมธานี ในนามภูมิ ใจไทย เขต 1 เขต 2 และเขต 3 ซึ่งเป็นที่มั่นของอดีต สส.ปทุมฯ เพื่อไทย ส่งผลให้ตัดคะแนนกันเอง และก้าวไกลก็แซงเข้าป้ายไป

หลังการเลือกตั้ง ปรากฏว่าเจ๊ใหญ่เมืองเหนือแค้นมาก เพราะ 3 อดีต สส.ปทุมฯ ที่สอบตกนั้น อยู่ในสายเจ๊ใหญ่ทั้งสิ้น

ปฏิบัติการล้างแค้นแจ๊ส จึงอุบัติขึ้น ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพื่อไทยจัดงานเปิดตัวลุงชาญ อย่างไม่เป็นทางการ โดยอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ไปร่วมงานคืนนั้นด้วย

เมื่อนายกฯแจ๊ส ชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ พร้อมกับ พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ อดีตนายก อบจ.นครสวรรค์ และกำนันตี๋ สุรเชษ นิ่มกุล อดีตนายก อบจ.อ่างทอง ตามแผนลับของค่ายสีน้ำเงิน

เจ๊ใหญ่เมืองเหนือ จึงตัดสินใจให้ลุงชาญ สวมเสื้อเพื่อไทย และทุ่มทรัพยากรเต็มที่ เพื่อให้ได้รับชัยชนะ

ยุทธศาสตร์เพื่อไทยในศึก อบจ.ปทุมธานี เที่ยวนี้ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งนายก อบจ. หากแต่เป็นการทวงคืนที่มั่นปทุมธานี และย้ำว่า แบรนด์ทักษิณ ยังไม่ตกยุค 

ศึกนี้จึงเป็นเดิมพันของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร และเถ้าแก่ใหญ่ หากชนะที่ปทุมธานี ก็เหมือนชนะทั้งประเทศ