‘เศรษฐา’ จ่อคุย ทีมกฎหมาย สู้คดี ศาลรธน. ปมตั้ง ‘พิชิต’ ลั่น ไม่ต้องการกำลังใจ
“เศรษฐา” เตรียมคุยทีมกฎหมาย สู้คดีใน “ศาลรัฐธรรมนูญ” เผย เรื่องธรรมดาในทางการเมือง ต้องพร้อมให้ตรวจสอบ มั่นใจ แจงได้ ไม่อยากไปกดดัน ชี้ ระยะยาว ไม่กระทบการทำหน้าที่ เชื่อ ศาลฯตัดสินต้องดูให้ดี อย่าไปบอกใครอยู่เบื้องหลัง ลั่น ไม่ต้องการกำลังใจจากใครทั้งสิ้น
ที่ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเข้าใจว่ามีเวลา 15 วันและถ้าเสร็จภารกิจในช่วงเย็นนี้ ตนจะโทรศัพท์พูดคุยกับทีมกฎหมาย เพื่อที่จะดูเรื่องของเราว่า จะไปชี้แจงอย่างไร ก็เป็นธรรมดาของการเข้าสู่การเมือง เราต้องพร้อมให้มีการตรวจสอบได้ หากทางฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายธุรการ มีความข้องใจก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะต้องไปชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เห็นหัวข้อที่ทางศาลรัฐธรรมนูญต้องการให้ชี้แจงประเด็นใดหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีและตนยังไม่มีเวลา ตอนที่มติศาลรัฐธรรมนูญออกมา ก็อยู่ระหว่างการประชุม แต่ก็เป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็ต้องรับฟัง แต่มั่นใจว่าชี้แจงได้ ก็ต้องให้เวลาท่านในการพิจารณา ไม่อยากจะไปกดดันทางด้านศาลรัฐธรรมนูญนัก
เมื่อถามว่า ไม่มีผลกระทบอะไรกับการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในขณะนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี และในระยะยาวก็ไม่มี ก็ไม่ได้ และตนเชื่อว่าไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเรามีภารกิจอยู่แล้ว และเราก็ต้องแยกแยะให้ถูก เรื่องปัญหาที่บ้านเราก็ต้องแก้ไขกันไป ก็มีทีมงานที่ช่วยดูเรื่องอยู่แล้ว เป็นธรรมดาของการเข้าสู่เวทีการเมือง ความจริงก็ไม่อยากพูดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่เราต้องรับทราบ และจะต้องให้ความกระจ่างต่อสาธารณชน
เมื่อถามว่า นายกฯ มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างใช่หรือไม่ เพราะการตัดสินใจใดๆมีทีมที่ปรึกษาและมีคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำปรึกษาอยู่แล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ครับ ก็มั่นใจครับ แต่เดี๋ยวต้องดูคำถามอีกทีว่าตรงไหนเป็นอย่างไร และเชื่อว่าคนที่ต้องตัดสินเขาต้องดูให้ดีๆ
เมื่อถามว่า มีบางฝ่ายออกมาพูดทำนองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบางคนบางกลุ่ม หรือ สว. บางคนต้องการเล่นเกมต่อรองบางอย่าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าท่านต่อรองอะไร ตนไม่อยากคิดไปในแง่ลบ ท่านเองก็มีหน้าที่ของท่าน ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าบางคน ถ้าเกิดหมดวาระไปแล้วไม่ควรจะเสนออะไรอย่างไร แต่ตนไม่ทราบก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ถ้าตามกฎหมายท่านยังมีสิทธิ์เสนอ ท่านก็มีสิทธิ์เสนอไป อันนี้คงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว ว่าถ้าเขามีสิทธิ์เสนอก็เสนอ แต่ถ้าไม่มีสิทธิ์เสนอก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่วันนี้ตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องเกมการต่อรองอะไรอยู่ข้างหลัง ตนไม่อยากมองลึกไปขนาดนั้น เพราะเชื่อว่าทุกท่านเองมีความปรารถนาดีกับประเทศชาติ ก็อยากให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใสและชอบธรรม
เมื่อถามว่า ขณะนี้บางฝ่ายไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น เนื่องจากเวลานี้ประเทศกำลังเดินหน้าไปด้วยดี อยากจะพูดอะไรไปถึงฝั่งคนที่มองว่า รัฐบาลยังทำไม่ถูกใจ นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการที่เราเข้ามาสู่การเมือง จะทำทุกอย่างให้ถูกใจทุกคนเป็นไปได้ลำบาก แต่ขอให้มั่นใจ รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของตน เรายึดมั่นกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และมีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเป็นธรรมดาอยู่แล้ว หากสื่อมวลชนสังเกต ถามตนเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตนก็พร้อมที่จะเข้าไปตอบอยู่แล้ว และให้เกียรติทางรัฐสภามาโดยตลอด ฉะนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่เราเข้าสู่การเมืองแล้ว ต้องมีทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ เราทราบดีอยู่แล้วตรงนี้ อีกทั้งยังมีองค์กรอิสระ ที่เข้ามากำกับตรวจสอบ ดูแลเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความชอบธรรม ก็อย่าไปบอกเลยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเบื้องหน้าอะไร โดยส่วนตัวคิดว่าเมื่อมาอย่างนี้เราก็ต้องให้ความกระจ่างกันไป
เมื่อถามว่า อนาคตหลังทำงานจะครบ 1 ปีและอีกต่อๆไปการเมืองอาจจะร้อนแรงและพุ่งเป้ามาที่ตัวนายกฯมากยิ่งขึ้นตรงนี้นายกฯ พร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ใช่หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ตนก็ต้องพร้อมอยู่แล้ว จะเป็นเดือนที่ 8 หรือปีที่ 1 มันก็เหมือนกันทุกวัน มีภารกิจที่ต้องทำ และมีทั้งฝ่ายที่ชอบ หรือไม่ชอบในการกระทำของเรา แต่ขอยืนยันในความตั้งใจจริง และไม่ได้ท้อถอยอะไร ตรงนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ
เมื่อถามว่า จะตั้งใครให้เป็นหัวหน้าคณะที่เตรียมข้อมูลทำคำชี้แจงอย่างไรหรือไม่ นายกเศรษฐา กล่าวว่า ยังเลยเดี๋ยวต้องดูกันอีกครั้งนึง และตนเองก็ต้องไปดูมติก่อนว่าออกมาอย่างไร 6 ต่อ 3 ให้รับเรื่อง 5 ต่อ 4 ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เดี๋ยวต้องไปดูเนื้อหากันอีกที เจ้าหน้าที่ส่งมาให้อ่านแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านเลย
เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจตัวเองและผู้สนับสนุนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ต้องให้ เพราะเราอายุขนาดนี้แล้ว ผ่านวิกฤติมาเยอะ ตรงนี้ไม่มีปัญหาหรอก ส่วนคนที่สนับสนุน ก็ขอให้มั่นใจว่า ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเชื่อว่าคนที่ทำงานให้ตนหลายคน ก็ทราบดี ว่าตนทำตรงนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเชื่อว่าเราก็เป็นมืออาชีพ ต้องพร้อมที่จะตอบข้อสงสัย ใช้คำนี้ดีกว่า ไม่อยากให้คิดเป็นอื่น อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเลย มันไม่มีความสบายใจหรอก ตนเชื่อว่าทุกคนก็มีความปรารถนาดีกับประเทศทั้งนั้น
เมื่อถามว่า กำลังใจสำคัญของนายกฯ ในช่วงเวลานี้คืออะไรนายเศรษฐา กล่าวว่า กำลังใจสำคัญของตนในช่วงเวลานี้คือ ถ้าเกิดมาอยู่ตรงนี้แล้ว คิดว่าคงไม่ต้องการกำลังใจหรอก การที่เราเข้ามาสู่เวทีการเมือง ผ่านการเลือกตั้งที่ชอบธรรม ผ่านการตั้งรัฐบาล 3 เดือน มาอยู่ในที่นี้ประมาณ 8-9 เดือนแล้ว เชื่อว่าเห็นถึงความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะคบกำหนด 15 วันแล้วมีการตัดสิน หรือมีการพิจารณาอีก ในทุกๆวันมีความหมาย ทุกคนมีความเดือดร้อนอยู่แล้ว ในเรื่องโครงการทั้งหลาย หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าทุกเรื่อง เป็นหน้าที่ที่ตนต้องทำอยู่แล้ว ปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เราต้องเป็นผู้ใหญ่พอ ที่ต้องแบ่งแยกให้ถูก ในการแก้ไขปัญหาซึ่งก็มีทีมแก้ไขปัญหา และเข้าไปชี้แจง ก็ทำได้ และวันพรุ่งนี้ก็มีภารกิจ และเสาร์อาทิตย์นี้เมื่อกลับไปก็มีภารกิจจัดเต็มอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีความคิด ไม่ได้ต้องการกำลังใจพิเศษจากใครใดๆ ทั้งสิ้น
“ผมสามารถที่จะ Switch On and Off ได้” นายเศรษฐา กล่าว