‘โพลพระปกเกล้า’ เผย ก้าวไกล แรง ลุ้น สส.ทะลุ200 ทิ้งห่าง เพื่อไทย ได้ปริ่ม100

‘โพลพระปกเกล้า’ เผย ก้าวไกล แรง ลุ้น สส.ทะลุ200 ทิ้งห่าง เพื่อไทย ได้ปริ่ม100

“โพลพระปกเกล้า” เผย ถ้าเลือกตั้งวันนี้ “ก้าวไกล” แรง ทิ้งห่าง “เพื่อไทย” ลุ้น กวาดเพิ่ม 49 ที่นั่ง โอกาสสูง ได้ 208 สส. สวนทางพรรคแดง เสี่ยงเก้าอี้หาย 28 ที่นั่ง ส่อเหลือแค่ 105 ที่นั่ง พบ “พิธา” ยังฮอต คนอยากให้เป็น นายกฯ 46.9% ลุงตู่ 17.7% อิ๊งฯ10.5% เศรษฐา แค่ 8.7%

สถาบันพระปกเกล้า (โพลพระปกเกล้า) โดย สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับ สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองและศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง 76 จังหวัด สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "ความนิยมในพรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี: 1 ปีหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาฯ 2566"

ผลการสำรวจ พบว่าถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงจะเลือกพรรคก้าวไกลมากเป็นอันดับ 1 ทั้งสองบัตร

เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า ถ้ามีการเลือกตั้งสส. ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต

  • ร้อยละ 35.7 ระบุว่า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล 
  • ร้อยละ 18.1 ระบุว่า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย 
  • ร้อยละ 11.2  ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย
  • ร้อยละ 9.2 ผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติ
  • ร้อยละ 7.8  ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ
  • ร้อยละ 5 ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
  • ร้อยละ1.6 ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา
  • ร้อยละ 1.2 ผู้สมัครจากพรรคประชาชาติ ตามลำดับ 

ในขณะที่มีผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกใครในตอนนี้ รวมกันอีก ร้อยละ 10.2

‘โพลพระปกเกล้า’ เผย ก้าวไกล แรง ลุ้น สส.ทะลุ200 ทิ้งห่าง เพื่อไทย ได้ปริ่ม100

เมื่อถามต่อไปว่า แล้วในการเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะลงคะแนนให้แก่บัญชีรายชื่อของพรรคใด 

  • ร้อยละ 44.9 ระบุว่า จะลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล 
  • ร้อยละ 20.2 ระบุว่า จะลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย 
  • ร้อยละ 10.9 พรรครวมไทยสร้างชาติ
  • ร้อยละ 3.5 พรรคภูมิใจไทย
  • ร้อยละ 3 พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์
  • ร้อยละ 1.3 พรรคประชาชาติ
  • ร้อยละ 0.7 พรรคชาติไทยพัฒนา ตามลำดับ

นอกจากนี้น่าสนใจว่า ยังมีผู้ตอบที่ระบุว่าจะลงคะแนนให้พรรคการเมืองอื่น ๆ หรือไม่ต้องการลงคะแนนให้พรรคใดเลยในตอนนี้ รวมกันถึงร้อยละ 12.6

คะแนนนิยมของก้าวไกลทิ้งห่างเพื่อไทย จนทำให้ก้าวไกลอาจได้ สส. มากกว่าเพื่อไทย เกือบ 2 เท่า

 

‘โพลพระปกเกล้า’ เผย ก้าวไกล แรง ลุ้น สส.ทะลุ200 ทิ้งห่าง เพื่อไทย ได้ปริ่ม100

‘โพลพระปกเกล้า’ เผย ก้าวไกล แรง ลุ้น สส.ทะลุ200 ทิ้งห่าง เพื่อไทย ได้ปริ่ม100

เมื่อนำผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้เปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ปรากฏว่า พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้นมี 2 พรรค คือ พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติ โดยพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.67 ซึ่งอาจส่งผลให้พรรคมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้ สส. เพิ่มขึ้นถึง 49 ที่นั่ง 

ส่วนพรรคประชาชาติได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 0.35 ซึ่งอาจทำให้พรรคมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง 

ในขณะที่มีพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตลดลง จำนวน 6 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 7 และอาจส่งผลให้พรรค มีโอกาสเสียที่นั่งที่มีอยู่เดิมไปราว 28 ที่นั่ง 

ในส่วนของการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ พบว่า มีพรรคการเมือง 5 พรรคได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น คือ

  1. พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.33
  2. พรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.62
  3. พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.66
  4. พรรคภูมิใจไทย ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.6
  5. พรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.19

อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้พรรคก้าวไกลมีโอกาสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 8 ที่นั่ง และพรรคพลังประชารัฐมีโอกาสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง เพียงสองพรรคเท่านั้น ส่วนคะแนนที่เพิ่มขึ้นของอีกสามพรรคยังไม่มากพอที่จะทำให้ได้ที่นั่งเพิ่ม 

ในขณะที่มีพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลดลง จำนวน 3 พรรค คือ

  1. พรรคเพื่อไทย ได้รับคะแนนนิยมลดลง คิดเป็นร้อยละ 7.49
  2. พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 1.18
  3. พรรคประชาชาติ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 0.24

คะแนนนิยมที่ลดลงดังกล่าวมีผลให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้ที่นั่งจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อน้อยลง 8 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติมีโอกาสได้น้อยลง 2 ที่นั่ง และพรรคประชาชาติมีโอกาสได้ที่นั่งน้อยลง 1 ที่นั่งตามลำดับ

เมื่อนำตัวเลขประมาณการที่นั่งที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีโอกาสได้รับจากการเลือกตั้งทั้งสองระบบมารวมกัน พบว่า หากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเวลานี้ 

  • พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีโอกาสได้ที่นั่งมากที่สุด รวม 208 ที่นั่ง 
  • รองลงมาเป็น พรรคเพื่อไทย 105 ที่นั่ง
  • พรรคภูมิใจไทย 61 ที่นั่ง
  • พรรครวมไทยสร้างชาติ 34 ที่นั่ง
  • พรรคพลังประชารัฐ 30 ที่นั่ง
  • พรรคประชาธิปัตย์ 22 ที่นั่ง 
  • พรรคชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง 
  • พรรคประชาชาติ 9 ที่นั่ง ตามลำดับ

ส่วนที่นั่งที่เหลือจะกระจายไปยังพรรคการเมืองอื่นๆ รวม 21 ที่นั่ง

 

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า ถ้าเลือกได้ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในช่วงเวลานี้มากที่สุด ส่วนใหญ่ ระบุว่า

อยากให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.9 

  • รองลงมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.7 
  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 10.5 
  • นายเศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 8.7 
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 3.3
  • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ร้อยละ 1.7
  • พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 0.4 ตามลำดับ
  • ยังมีผู้ตอบที่ระบุชื่อคนอื่น ๆ รวมกับที่ยังไม่เห็นว่ามีคนที่เหมาะสมอีก ร้อยละ 10.9