คุกอีก 1 ปี 6 เดือน 'ไบรท์ ชินวัตร' คดี ม.112 รวมโทษ 5 คดี 11 ปี 12 เดือน
ศาลอาญาพิพากษาคุก 'ไบรท์ ชินวัตร' 3 ปี แต่ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีให้สัมภาษณ์สื่อปมบังคับใช้ ม.112 เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ รวมโทษ 5 คดีโดนโทษคุก 11 ปี 12 เดือน
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่าน X (ทวิตเตอร์) @TLHR2014 ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาในคดีของ “ไบรท์” นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมในจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สืบเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องในคดีปราศรัยในม็อบ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว และ #25พฤศจิกาไปSCB เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 คดีนี้มี กัญจ์บงกช เมฆาประพัฒน์สกุล สมาชิกของกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้กล่าวหา ไว้ที่ สน.พหลโยธิน ก่อนอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2567 ในระหว่างที่ “ชินวัตร” ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โดยพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาเกิดจาก ชินวัตรได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการบังคับใช้มาตรา 112 กับประชาชน ทั้ง ๆ ที่ในหลวงทรงมีพระราชโองการถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วว่าไม่ให้บังคับใช้มาตรา 112 กับประชาชน ซึ่งทางสำนักพระราชวังหรือสมาชิกในราชวงศ์จะต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะไม่ให้ประชาชนคิดไปว่า สถาบันกษัตริย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมายมาตรา 112 ซึ่งโจทก์กล่าวหาว่าเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ หลังนัดสอบคำให้การเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 ชินวัตรได้แถลงขอกลับคำให้การเดิมเป็นรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ศาลจึงให้งดการสืบพยาน และมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์ ก่อนนัดคำพิพากษาในวันนี้
ช่วงเช้าวันนี้ ชินวัตรถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวไบรท์ในชุดผู้ต้องขัง ถูกสวมใส่กุญแจข้อมือและข้อเท้า มาที่ห้องพิจารณา 711 โดยมีภรรยาและลูกชายวัยห้าขวบมารอพบและให้กำลังใจ รวมไปถึงผู้สังเกตการณ์คดีจากองค์กรสิทธิมนุษยชนอีกจำนวนหนึ่งมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
เวลา 09.35 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี ก่อนจะเริ่มอ่านคำพิพากษา ชินวัตรได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่า ขอให้ศาลอนุญาตปลดกุญแจข้อมือที่ตนใส่อยู่ เพื่อที่เขาจะได้สวมกอดลูกชายที่ไม่ได้เจอกันมานาน พร้อมบอกว่าตนไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามผู้พิพากษาไม่อนุญาต เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีเพียงคนเดียว อาจจะไม่เพียงพอในการดูแลรักษาความปลอดภัย
ต่อมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาท อาฆาตร้ายพระมหากษัตริย์ พิพากษาจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน
ศาลเห็นว่าเนื่องจากจำเลยถูกพิพากษาว่ามีความผิดในลักษณะเดียวกันนี้หลายคดี จึงไม่อาจรอลงอาญาได้ และศาลให้นับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่นตามคำขอของโจทก์
หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีกหนึ่งนายได้เข้ามาในห้องพิจารณาคดีเพื่อดูความเรียบร้อย ด้านชินวัตรได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลอีกครั้งว่า ขอให้ปลดกุญแจมือที่สวมอยู่ออกเพื่อที่ตนจะได้กอดลูกชายสักครั้ง ศาลจึงได้อนุญาตให้ปลดกุญแจมือออก ชินวัตรจึงได้สวมกอดลูกชายในที่สุด
สำหรับชินวัตรถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 รวม 8 คดี โดยมีจำนวน 6 คดีแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาออกมา โดยเขาเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพทั้งหมด โดยมี 1 คดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาให้รอลงอาญา แต่อีก 5 คดี ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญาทั้งหมด และให้นับโทษจำคุกต่อกัน รวมแล้วเขาถูกลงโทษจำคุกไปแล้ว 11 ปี 12 เดือน (ประมาณ 12 ปี) ในแต่ละคดียังอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา
ส่วนในคดีมาตรา 112 อีก 2 คดีของชินวัตรที่ยังไม่มีคำพิพากษา มีคดีปราศรัยในกิจกรรมยืนหยุดขังที่ท่าน้ำนนทบุรี ชินวัตรก็ได้ให้การรับสารภาพเช่นกัน อยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 10 ก.ค. 2567 นี้ ขณะที่คดีร่วมกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้อีกคดีหนึ่ง มีนัดสืบพยานที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันที่ 4 มิ.ย. นี้