เพื่อไทย ‘ไพ่ลับ’ นิรโทษกรรม ‘ขั้วเก่า’ เสาค้ำสกัด ‘ผนึกส้ม’

กรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อวันที่ 29 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ยังต้องลุ้นในวันที่ 18 มิ.ย.67 นี้  ที่อัยการนัดส่งตัวฟ้องต่อศาล “นายใหญ่” แห่งพรรคเพื่อไทยจะปรากฏตัวในวันดังกล่าวหรือไม่ 

แน่นอนว่า คดีความที่เกิดขึ้นกับอดีตนายกฯ เวลานี้ หลายฝ่ายถึงขั้นฟันธงว่า มีความเกี่ยวข้องกับ “ดีลลับ” จัดตั้งรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ไม่ต่างจาก “พลพรรคเพื่อไทย” หลังจาก “นายใหญ่” ตึก OAI ถนนเพชรบุรี มีชนักในคดีมาตรา 112 ติดตัว ถูกจับตาไปที่การดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาฯ ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ซึ่งเตรียมเสนอผลศึกษาต่อสภาในช่วงเปิดสมัยประชุมในเดือนก.ค.นี้ 

อย่างที่รู้กัน พรรคเพื่อไทยเองมีบทเรียนการดันกฎหมายนิรโทษกรรมมาแล้วในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงปลายรัฐบาลมีการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดย “วรชัย เหมะ” สส.สมุทรปราการ เพื่อไทย ในฐานะแกนนำเสื้อแดง 

ก่อนที่ต่อมาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจะถูกแปรสภาพ ในชั้นกมธ.  ด้วยการแปรญัตติ จนกลายเป็น “นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย” เวลานั้น “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” สมาชิกพรรคเพื่อไทย ผู้เสนอแก้ไขร่างพ.ร.บ.ฉบับของวรชัย เปิดเบื้องลึกในเวลาต่อมาว่า เกิดจากการที่ไปพบ “ทักษิณ” ที่ฮ่องกง 

โดยการพบเจอในครั้งนั้น ตามคำกล่าวอ้างของประยุทธ์  “ทักษิณ” ระบุว่า “พี่ยุทธ์ ผมอยากกลับบ้านแล้ว”

สถานการณ์ ณ เวลานั้น นำมาสู่การเมืองที่สุกงอมกระทั่งเกิดการรัฐประหาร 2557 ในท้ายที่สุด 

ผ่านไป 11 ปี การเมืองวนลูปกลับมาที่ประเด็นนิรโทษกรรม ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จึงต้องจับตาหลังเปิดสภาในวันที่ 3 ก.ค.67 นี้ 

จับสัญญาณ “พลพรรคเพื่อไทย”เวลานี้ ที่แม้จะเล่นบทโยนให้สภาฯ เบิกทาง แต่อีกด้านยังมีสัญญาณมาจาก “ลูกหาบเพื่อไทย”  

ล่าสุด “เชิดชัย ตันติศิรินทร์” สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย แนวร่วมคนเสื้อแดงภาคอีสาน หนึ่งใน กมธ.นิรโทษกรรม พูดถึงการเสนอร่างพ.ร.บ.เข้าสภา โดยเฉพาะประเด็นมาตรา 112 

โดยเวิร์ดดิ้งสำคัญ ที่หมอเชิดชัยพูดถึงคือ  “การนิรโทษกรรมในปีมหามงคล” ด้วยการเสนอกฎหมายในนามพรรคเพื่อไทย 

ส่วนการนิรโทษคดี 112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องใช้เวทีสภาพูดคุยกัน เช่น หากคนทำผิดไปแล้ว มีการตัดสินไปแล้ว ก็ควรให้อภัย นิรโทษกรรมว่ากันไป เพียงแต่อาจต้องเขียนเงื่อนไขไว้ในกฎหมาย เช่น หากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว ออกไปแล้วอย่ากระทำผิดซ้ำอีก โดยอาจมีการระบุช่วงเวลาไว้กำกับด้วย เช่น หลังจากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว ในช่วงเวลากี่ปี ห้ามกระทำผิดซ้ำอีก

“แต่หากว่าคดียังไม่ได้ตัดสินว่าผิด ก็ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แบบนี้ก็ตรงไปตรงมาเลยว่า คดี 112 ที่คดียังไม่ถึงที่สุด หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ก็ให้ยกโทษเลย ประมาณนี้ก็ได้ หรือว่า หากเป็นคดีที่ยังไม่มีการตัดสิน อยู่ระหว่างดำเนินการทางคดี แล้วคดีที่บุคคลโดนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถูกกล่าวหา ก็ให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมกลั่นกรองวินิจฉัยก่อน จะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา โดยพิจารณาเป็นรายๆ ไป” หมอเชิดชัยย้ำ

ท่าทีดังกล่าวถูกตีความว่า อาจเป็นการ “หยั่งเชิง - วัดกระแสสังคม” ว่าจะมีรีแอคชั่นต่อประเด็นนี้มากน้อยเพียงใด เพราะลำพังแค่ เพื่อไทยพรรคเดียวก็มีเสียงในสภา 141 เสียง หากจะจับมือบางพรรคการเมืองในการดันกฎหมายนิรโทษกรรม ก็คงไม่ยากเย็นนัก

โดยเฉพาะ 148 เสียงจากพรรคก้าวไกล แม้เบื้องหน้าจะมีสัญญาณมาจากแกนนำพรรคส้ม โดยเฉพาะหัวหน้า “ชัยธวัช ตุลาธน” จะบอกว่า กรณีของ “ทักษิณ” ทำให้การเสนอนิรโทษกรรมมีปัญหาทางการเมืองมากขึ้น

 ต้องไม่ลืมว่า พรรคส้มเองก็มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ที่เสนอเข้าสภาฯ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 จนถึงขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวก็ยังค้างอยู่ในสภาฯ รอพิจารณาในวาระแรก 

เช่นนี้จึงชวนจับตาว่า ถึงที่สุด “ก้าวไกล” จะใช้แต้มต่อเรื่องมวลชน ในการพึ่งพาเสียงจากเพื่อไทย โดยเชื่อมโยงกับ “คดีทักษิณ” ที่จะได้รับอานิสงส์ในการผลักดันนิรโทษกรรมเหมาเข่งตามไปด้วยหรือไม่ 

ฉะนั้น สัญญาณที่ถูกตีความหลัง “ทักษิณ” ติดชนักคดี 112 เป็นปฏิบัติการ “หักดีล - ล้มดีล” ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรี หรือถึงเวลาจริง อาจอยู่ที่ “เกมต่อรองทางอำนาจ”  

โดยเฉพาะการคืนสู่ทำเนียบรัฐบาลของ “วิษณุ เครืองาม” บางกระแสบอกว่า มาด้วย “ออปชั่นพิเศษ” ของค่ายนายใหญ่

อีกกระแสบอก เป็นเสมือนตัวแทนของขั้วอำนาจที่ครอบรัฐบาลไว้อีกชั้น  โดยเฉพาะคดีของ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ถูก 40 สว.ร้องศาลรัฐธรรมนูญสอบ และอาจรวมไปถึงความเกี่ยวโยงในคดีของทักษิณ เป็นเช่นนี้อาจมองได้ว่า “ดีลเดิม” อาจยังไม่ได้หักเสียทีเดียวเพียงแค่มีปัจจัยอื่นแทรกซ้อนเข้ามา หรืออาจเรียกว่าเป็น “ดีลลับเดิมเวอร์ชั่นใหม่” 

ในเมื่อเพื่อไทยมี “ไพ่ลับ” นิรโทษกรรม โดยใช้สภาฯ เป็นใบเบิกทาง อำนาจเก่าซึ่งเป็น “ตัวละคร” ในดีลลับจัดตั้งรัฐบาล อาจต้องสวมบทเป็น “เสาค้ำ” เพื่อไม่ให้ “นายใหญ่-เพื่อไทย” เล่นเกินเบอร์ จนล้ำเส้น ลามไปถึงการ “รวมกันเฉพาะกิจ” เพื่อเข็นกฎหมายนิรโทษกรรมหลังจากนี้

อีกหนึ่งช็อตที่ต้องจับตาคือ “คดียุบพรรคก้าวไกล” ซึ่งบรรดาโหรการเมืองหลากหลายสำนักฟันธงว่า จะชี้เป็น - ชี้ตาย และได้เห็นฉากทัศน์การเมืองในเร็ววัน!  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์