เรือธงรัฐบาล ดัน ‘กาสิโน’ ทุน - บิ๊กเนม รุมจอง 5 ทำเลทอง

เรือธงรัฐบาล ดัน ‘กาสิโน’ ทุน - บิ๊กเนม รุมจอง 5 ทำเลทอง

“เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่มี “กาสิโน” เป็นองค์ประกอบหลักสำคัญที่สุด จะเกิดได้จริงหรือไม่ อยู่ที่บทบัญญัติกฎหมายที่รัดกุม วางรูปแบบการควบคุม การบริหารจัดการที่ดี ให้ผลตอบแทนต่อสังคม และภาครัฐ ผ่านการเก็บภาษีที่คุ้มค่า 

Key Points

  • บ่อนกาสิโน เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่มีความสำคัญที่สุด เพราะต้องอาศัยกฎหมายรองรับ และการลงทุนขนาดใหญ่ 
  • รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โฟกัสเรื่องนี้มาระยะใหญ่ ครม.รับทราบรายงานผลการศึกษาของ กมธ.กาสิโน ไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
  • กลุ่มทุนนอก กลุ่มทุนในประเทศ และบิ๊กเนมที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ กำลังคึกคัก หมายจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล 
  • โครงการนี้มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้จริง กับพิกัด 5 ทำเลทอง 

มีความชัดเจนมากขึ้นไปอีกขั้น สำหรับนโยบายเมกะโปรเจกต์ระดับแสนล้าน ที่รัฐบาลพยายามผลักดันคือ การเปิด สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมีกาสิโนถูกกฎหมาย เป็นหัวใจสำคัญของทั้งหมด

ล่าสุด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการกระทรวงการคลัง โดยจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ไปเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ด้วยการยกร่างพระราชบัญญัติ และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอที่ประชุม ครม.ในโอกาสต่อไป

หลังจากที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา รับทราบรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่มีจุลพันธ์ เป็นประธาน หรือที่เรียกกันว่า กมธ.กาสิโน

โดย กมธ.ชุดดังกล่าว นอกจากจะรายงานผลการศึกษา ยังมีการยกร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร แนบมาด้วย สาระสำคัญคือ กำหนดโครงสร้างคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล การจัดเก็บรายได้ เงื่อนไขของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุนธุรกิจกาสิโน ต้องขอใบอนุญาต กำหนดจำนวนทุนจดทะเบียน และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

 

ไฮไลต์สำคัญ นอกเหนือจากเงื่อนไข และข้อกฎหมาย คงหนีไม่พ้นพิกัดทำเลที่ตั้งของกาสิโน ผู้ประกอบการขนาดใหญ่จากหลายประเทศต่างจ้องตาเป็นมัน พยายามล็อบบี้เพื่อให้ตัวเองสอดแทรกเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดในไทยให้ได้

ตามรายงานของ กมธ.วางแนวทางพื้นที่ ที่เหมาะสมอาจจะเป็นในเขต กรุงเทพมหานคร และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) เมืองหลักท่องเที่ยว

โดยในการศึกษาเบื้องต้นการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ได้แก่ พื้นที่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร จากสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา ครอบคลุม 17 จังหวัดภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดน 22 จังหวัด

ทว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เล็งปักหมุด 5 ทำเลทอง ที่จะเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างสถานกาสิโน ได้แก่ กทม. 2 แห่ง 1.พื้นที่ท่าเรือคลองเตย ที่เตรียมย้ายออก 2.พื้นที่ฝั่งตรงข้ามท่าเรือคลองเตย อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา หรือโซนบางกะเจ้า ก็เริ่มมีการพูดกันอย่างกว้างขวาง 3.พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 4.จ.เชียงใหม่ และ 5.จ.ภูเก็ต

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ขนาดของพื้นที่ ที่สามารถรองรับโครงการขนาดใหญ่ระดับหลายพันไร่ ผู้ที่มีศักยภาพรวบรวมที่ดินได้ คงหนีไม่พ้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ หรือบุคคลที่ใกล้ชิดศูนย์กลางอำนาจในขณะนี้ เพื่อนำมาพัฒนาก่อสร้างโครงการ และปฏิเสธไม่ได้ว่าหากโครงการนี้ไปตั้งอยู่พื้นที่ใด ราคาที่ดินรอบๆ โครงการนั้นจะสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะได้อานิสงส์จากการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน การเคลื่อนย้ายของแรงงาน และอื่นๆ อีกมากมาย

หลายพื้นที่เป้าหมายของสถานกาสิโน ในเวลานี้ ดูเหมือนจะถูกล็อกเป้า จับคู่ดีลธุรกิจปั้นโปรเจกต์เอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้น โดยมีข้อสังเกตว่าล้วนเป็นเครือข่ายใกล้ชิดผู้มีอำนาจ

เพราะดูองค์ประกอบหรือประเภทบริการของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นอกจากกาสิโน ยังมีโรงแรม สวนน้ำ ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ชอปปิงมอลล์ ร้านค้าปลอดภาษี สนามกอล์ฟ ยอร์ช คลับ และอื่นๆ โดยรายงานของ กมธ. เคยเสนอแนะให้มีสนามแข่งรถ F1 รวมอยู่ด้วย

รวมถึงองค์ประกอบทางธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก เรือ ราง อากาศ ธนาคาร การก่อสร้าง และอีกมากมาย จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากหากเจ้าใดเจ้าหนึ่งจะกินรวบ รูปแบบที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ แบ่งสรรปันส่วน หรือวินวินทุกฝ่าย

ตรงนี้เองที่เป็นจุดเสี่ยงของรัฐบาล และเศรษฐา ถูกโจมตีว่าเอื้อกลุ่มทุน และกลุ่มคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจ แต่ถ้าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เคลียร์ทุกข้อครหาต่างๆ ได้อย่างโปร่งใส ก็จะลดแรงต้านไปมิติหนึ่ง

ดังนั้น เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโน เป็นองค์ประกอบหลักสำคัญที่สุด จะเกิดได้จริงหรือไม่ อยู่ที่บทบัญญัติกฎหมายที่รัดกุม วางรูปแบบการควบคุม การบริหารจัดการที่ดี ให้ผลตอบแทนต่อสังคม และภาครัฐ ผ่านการเก็บภาษีที่คุ้มค่า 

ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่ยอมรับ และเห็นดีเห็นงามกับนโยบายเรืองธงรัฐบาล ที่เริ่มมาแรงแซงทางโค้งนโยบายอื่นๆ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์