กลิ่น สว.‘เพื่อพวกพ้อง’ สัญญาณกินรวบ ‘สภาสูง’ ?

กลิ่น สว.‘เพื่อพวกพ้อง’  สัญญาณกินรวบ ‘สภาสูง’ ?

“ตั๋วสภาสูง”200ใบ สัญญาณ"ขั้วการเมือง" รุกฆาตนิติบัญญัติ จับตาคำวินิฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กับเงื่อนไข "เหนือการควบคุม"  สัญญาณ “เลื่อน-ล้ม-เลือก” ?

KEY

POINTS

  • สัญญาณ"กลุ่มก๊วนการเมือง" โหวตเตอร์ "เพื่อพวกพ้อง" เปิดทางจังหวะก้าวย่างในสภาสูง
  • “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”  จังหวะตระกูลชินวัตร บทเรียนจาก "สภาผัวเมีย" สู่ "สภาครอบครัว"
  • คำวินิฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กับเงื่อนไข "เหนือการควบคุม"  จับตาสัญญาณ “เลื่อน-ล้ม-เลือก”

ยกแรกศึกชิง “ตั๋วสภาสูง” 200 ใบ ประกาศผลผ่านการคัดเลือกในระดับอำเภอ ไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา 

แน่นอนว่ารายชื่อที่ปรากฎ มีการโฟกัสไปที่บรรดา “บิ๊กเนมการเมือง” รวมไปถึงตัวแทนบ้านใหญ่ หรือกลุ่มบุคคลที่มีความแนบชิดแอบอิงกับบรรดากลุ่มก๊วนการเมืองแต่ละพรรค ที่เข้าวินยกแรกกันให้พรึ่บ

 สว.ชุดใหม่ ที่จะมาจากการคัดสรรในระดับต่างๆ จำนวน 200 คน ถูกจับตาว่าหากถูกการเมืองสีไหน-ขั้วไหน สามารถคุมเสียงในสภาสูงได้ ก็ย่อมถือแต้มต่อในฝ่ายนิติบัญญัติ

มีการประเมินจากบรรดานักวิเคราะห์ว่า การเลือกสว.รอบนี้ ถึงที่สุด จะถูกแบ่งหลักๆ เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มบ้านใหญ่ ที่มีความใกล้ชิดนักการเมือง ที่อาจเกินครึ่งของสภาสูงถึง 60-70% 

กลุ่มที่สอง กลุ่มนายทุน ที่อาจยังไม่มีต้นทุนการเมือง แต่หวังสร้างคอนเน็กชั่นปูทางการเมืองหลังจากนี้ และกลุ่มที่สาม กลุ่มนักเคลื่อนไหว ที่อาจมีเพียง 30-40% ที่เหลือ 

สอดรับด้วยสัญญาณของบรรดากลุ่มก๊วนการเมืองสีต่างๆ โดยเฉพาะ บรรดาบ้านใหญ่ ต่างฝ่ายต่างวางเครือข่ายด้วยการส่งคนเพื่อสมัครเป็น “โหวตเตอร์” เปิดทางสู่จังหวะก้าวย่างในสภาสูงหลังจากนี้

กลิ่น สว.‘เพื่อพวกพ้อง’  สัญญาณกินรวบ ‘สภาสูง’ ?

หนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเวลานี้ หนีไม่พ้น “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี สามี เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และเป็นน้องเขยทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผ่านเข้ารอบในระดับอำเภอ 

แน่นอนว่า จังหวะรุกของคนในตระกูลชินวัตร ในยามที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ย่อมเป็นการตอกย้ำชัดถึงการวางหมากการเมือง

ทั้งการปักธง สว.เชียงใหม่ เพื่อวางรากฐานในสภาสูง อาจฝันไกลไปถึงตำแหน่ง“ผู้นำสภาสูง” ที่จะทำหน้าที่เป็น “รองประธานรัฐสภา”โดยตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญให้ได้ เพราะนั่นหมายถึง การเมืองชอตต่อไป ทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่หลังจากนี้ 

กลิ่น สว.‘เพื่อพวกพ้อง’  สัญญาณกินรวบ ‘สภาสูง’ ?

อันที่จริงพรรคเพื่อไทยเอง ก็มีบทเรียนเรื่องเกมในสภาสูงมาแล้ว ย้อนกลับไปไปในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงปลายรัฐบาล ปี 2556 พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลเวลานั้น ได้เคยเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรรมนูญ ประเด็นการได้มาของสว. โดยเฉพาะประเด็น “คุณสมบัติของผู้ลงสมัครสมาชิกวุฒิสภาและคุณลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัคร”

ในวาระแรก เพื่อไทยยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติต้องห้าม ทั้งการ“ห้ามไม่ให้บุพการี คู่สมรส บุตรของสส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองลงสมัคร สว.”

ประเด็นถัดมา คือ“ห้ามไม่ให้สมาชิกพรรคการเมือง หรือ สส.ลงสมัคร สว.แต่หากจะลง ต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือสส.มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีถึงจะลงสมัครได้”

แต่ด้วยยี่ห้อเพื่อไทย ที่ครองเสียงข้างมาในสภาฯในเวลานั้น เมื่อกฎหมายผ่านวาระแรก และเข้าสู่ชั้นคณะกรรมาธิการฯ กลับมีการแก้ไขด้วยการ “ตัดข้อความดังกล่าวออกทั้งหมด”

เมื่อเสียงข้างน้อยไม่อาจทัดทานเสียงข้างมากได้ สุดท้ายต้องมาต่อสู้กันในรัฐสภา ในวาระที่ 2 โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านรวมถึง สว.ในขั้วอนุรักษนิยมเวลานั้น ที่รุมชำแหละไปถึงการเปิดทางไปสู่ “สภาผัวเมีย”

 

 

ทว่า ด้วยสถานการณ์การเมืองที่สุกงอม ณ เวลานั้น พรรคเพื่อไทยรู้ดีถึงสัญญาณไม่ชอบมาพากล ในที่สุดจึงยอมถอยประเด็น"สภาผัวเมีย"และคงไว้ซึ่งคุณสมบัติต้องห้าม ตามที่เสนอวาระแรก

11 ปี การเมืองเรื่องสว.วนลูปกลับมา ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องจับตาจากโมเดล "สภาผัวเมีย" อาจแปรเปลี่ยนเป็น "สภาครอบครัว" เป็นได้

ไม่ต่างจาก“เกมสภาสูง”ที่ถูกช่วงชิงโดยบรรดาพรรคการเมืองสีต่างๆ ต่างฝ่ายต่างส่งสัญญาณรุกฆาต แบบไม่มีใครยอมใคร 

แค่ผ่านพ้นยกแรกระดับอำเภอ ต้องจับตายกต่อไประดับจังหวัด ว่าจะมี“อุบัติเหตุ”ระหว่างทางหรือไม่ 

กลิ่น สว.‘เพื่อพวกพ้อง’  สัญญาณกินรวบ ‘สภาสูง’ ?

โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องวินิจฉัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.จำนวน 4 มาตรา ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ ที่ต้องจับตาผลวินิจฉัย

หากออกมาใน“ทางบวก” กระบวนการต่อจากนี้ ก็จะเดินหน้าสู่โหมดการคัดเลือกระดับจังหวัด ที่จะมีขั้นในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และไปสู่การคัดเลือกระดับประเทศ ในวันที่ 26 มิ.ย. 

กระทั่งถึงการรับรองผล สว.ชุดใหม่ทั้ง 200 คนในวันที่ 2 ก.ค.นี้ จะเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รัฐสภาเปิดสมัยประชุม

ในทางกลับกัน หากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาใน“ทางลบ” กระบวนการคัดสรรหลังจากนี้ ก็ย่อมสะดุดหยุุดลง

 แม้แต่“แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. ที่ดูเหมือนจะยอมรับถึงปัญหาต่างๆ นานาที่เกิดขึ้น จึงส่งข้อความผ่านไลน์ผู้บริหารของสำนักงาน กกต.เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เวิร์ดดิ้งสำคัญอยู่ที่ “เงื่อนไขภายนอก อยู่เหนือการควบคุมของเรา เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยแท้... เราไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นปัญหาข้อกฏหมาย”เลขาธิการกกต.ย้ำ

ปัญหา“ข้อกฎหมาย”ที่แสวงระบุ ย่อมหมายถึงรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสว.ที่กำลังบังคับใช้ และถูกตั้งคำถาม ถึงความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ 

จับตา“ตั๋วสภาสูง”200ใบ ที่แม้แต่กกต.ยังยอมรับว่ามีสัญญาณ “เลื่อน(ลาก)-ล้ม-เลือก” อยู่เป็นระยะ